เป็นอีกประเด็นในฮอลลีวูดที่กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดเข้มข้น สำหรับกรณีที่นักแสดงสาวสวย Scarlett Johansson (สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน) ยื่นฟ้อง Disney โทษฐานผิดสัญญานำ Black Widow (2021) เข้าฉายโรงภาพยนตร์พร้อมสตรีมมิง Disney+ ในระบบ Premier Access อันเป็นเหตุให้เธอสูญเสียรายได้มหาศาล เพราะเดิมทีค่าตัวหรือเงินที่เธอจะได้รับจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายได้รวมทั่วโลกของการฉาย Black Widow ทางโรงภาพยนตร์อย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งภายหลัง Disney ก็ออกมาตอบโต้ว่าการฟ้องร้องของ Scarlett Johansson เป็นการกระทำที่น่าเศร้า ไร้ประโยชน์ และไม่ใส่ใจกับผลกระทบของโรคระบาด โดยฝั่ง Scarlett Johansson มองว่าการตอบโต้ของ Disney คือ ‘ความเกลียดชังที่มีต่อผู้หญิง’ จนล่าสุด John Berlinski ทนายความของเธอต้องออกแถลงการณ์ฟาดกลับที่มีใจความดังนี้
“หลัง Disney ออกมาแสดงท่าทีต่อการฟ้องร้องคดีนี้ด้วย ‘ความเกลียดชังต่อผู้หญิง’ ที่โจมตี Scarlett Johansson ตอนนี้พวกเขาก็พยายามจะซ่อนการประพฤติมิชอบของตัวเองให้เป็นความลับ เพราะพวกเขารู้ว่าคำสัญญาของ Marvel ที่จะให้ Black Widow เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มันเกี่ยวข้องกับการรับประกันว่า Disney จะไม่กินรายได้จาก Box Office เพื่อเพิ่มยอดการสมัคร Disney+”
“พวกเขาใช้เรื่องผลกระทบของโควิดมาเป็นข้ออ้างสำหรับการนำ Black Widow เข้าฉายใน Disney+ เพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้งานและหุ้นของบริษัท ไม่สนใจสัญญาของนักแสดงผู้รับผิดชอบต่อความสำเร็จของหนัง เพื่อส่งเสริมกลยุทธ์การจัดจำหน่ายระยะสั้นนี้ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพวกเขา เราตั้งตารอที่จะพิสูจน์ทุกอย่างให้ได้มากที่สุดในศาล”
อย่างไรก็ตามทาง Disney ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และยืนยันว่าก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจนำ Black Widow เข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมสตรีมมิงนั้นได้ผ่านการหารือร่วมกับ Scarlett Johansson มาก่อนแล้ว ไม่ใช่เป็นการกระทำโดยไม่ปรึกษากันแบบที่เธออ้าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการกระทำของ Disney ยังคงเป็นข้อกังขาสำหรับหลายฝ่าย เนื่องจากพวกเขาพยายามเรียกร้องให้มีการพูดคุยและจบเรื่องนี้แบบลับๆ ซึ่งขัดกับความต้องการของ Scarlett Johansson ที่อยากให้คดีนี้ดำเนินไปอย่างโปร่งใสต่อสาธารณชน
ภาพ: Marvel
อ้างอิง: