×

‘ผิดหวัง-ผิดพลาด’ กรวีร์ ภูมิใจไทย ขอหั่นงบพาณิชย์ ไร้ฝีมือแก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำ อย่ากลัวว่าช่วยแล้วเขาจะรวย

โดย THE STANDARD TEAM
20.08.2021
  • LOADING...
กรวีร์ ภูมิใจไทย

วันนี้ (20 สิงหาคม) กรวีร์ ปริศนานันทกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขอเสนอปรับลดงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ลง 2% เนื่องจากเมื่อดูผลงานที่ผ่านมาของกระทรวงพาณิชย์ การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผลผลิตที่ตกต่ำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผิดหวังกันมากจริงๆ ท่านคงจะเคยได้รับฟังเสียงสะท้อนจากเพื่อนสมาชิกที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งประเทศที่สะท้อนปัญหาแบบเดียวกันหมด โดยสะท้อนถึงความผิดหวัง สะท้อนถึงความผิดพลาดในการบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหาสินค้าทางการเกษตร จึงเป็นเหตุผลที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณจะต้องทบทวนต่อคำถามของเพื่อนสมาชิกว่า เราได้มีการพูดคุยถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องของสินค้าเกษตรอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วหรือไม่ โดยปีนี้กระทรวงพาณิชย์ท่านได้ของบประมาณอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท งบประมาณตรงนี้หากนำทั้งหมดไปช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้ และหากการทำงานของกระทรวงพาณิชย์มีประสิทธิภาพคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนจริงเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้จะลดลง      

 

ทั้งนี้ตนจึงต้องการสะท้อนปัญหาถึงโครงการหลักของรัฐบาลชุดนี้ ก็คือโครงการประกันรายได้ สิ่งที่เราอยากจะเห็นในโครงการประกันรายได้ก็คือเห็นพี่น้องเกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการขายผลผลิตทางการเกษตร หวังอยากจะเห็นพี่น้องเกษตรกรมีเงินในกระเป๋าสตางค์มากขึ้น กำไรมากขึ้น รวยมากขึ้น และในโครงการประกันรายได้นั้นได้กำหนดว่าข้าวหอมมะลิรัฐบาลจะประกันรายได้ราคาอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมปทุม รัฐบาลจะประกันรายได้ราคาอยู่ 11,000 บาท ข้าวขาวประกันรายได้ราคาอยู่ที่ 10,000 บาท โดย 2 ปีที่ผ่านมา ขอตั้งคำถามว่าท่านเคยได้ยินพี่น้องเกษตรกรชาวนารายใดหรือไม่ที่ไปขายข้าวหอมมะลิแล้วได้ราคาอยู่ที่ 15,000 บาทตามโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามรัฐบาลประกันรายได้เราจะบอกว่านี่คือความสำเร็จได้อย่างไร 

 

ดังนั้นตนจึงเห็นว่าเป็นความผิดหวัง จึงต้องการที่จะสะท้อนปัญหาเสียงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้กับกระทรวงพาณิชย์ได้รับทราบ เพื่อที่จะเอาไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาในการใช้เงินงบประมาณปี 2565 ดังนั้นทำไมการตั้งราคาประกันรายได้ข้าวของรัฐบาล และพี่น้องประชาชนไม่ได้อย่างที่ตั้งไว้นั้น หนึ่งในปัญหาก็คือปัญหาเรื่องความชื้นและการกำหนดคุณภาพของข้าว ตนเข้าใจกระทรวงพาณิชย์ว่าการที่จะรับซื้อข้าวก็ย่อมที่อยากจะได้ของดี เพื่อที่จะเอาไปขายต่อ นำไปส่งออกยังต่างประเทศ 

 

“ท่านรู้หรือไม่ว่าในการขายข้าวจริงๆ แล้วเมื่อพี่น้องเกษตรกรไปถึงหน้าโรงสีแล้ว ก็เหมือนผีไปถึงป่าช้า มีเท่าไรและโรงสีรับซื้อราคาเท่าไรก็จำเป็นต้องขาย โรงสีบอกความชื้น 25 ก็ต้อง 25 และหากโรงสีบอกความชื้น 30 ก็ต้อง 30 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัดท่านเคยไปดูที่โรงสีหรือไม่ เวลาที่พี่น้องเกษตรกรเขานำข้าวไปขายที่โรงสีมันเกิดการเอารัดเอาเปรียบกันเกิดขึ้นที่หน้าโรงสีหรือไม่ จึงอยากฝากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเข้าไปดูในเรื่องนี้ด้วยเพื่อที่จะลดการเอารัดเอาเปรียบ และให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายให้มากขึ้น” กรวีร์ กล่าว

 

กรวีร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ในโครงการประกันรายได้ คิดเฉลี่ยแล้วข้าวหอมมะลิ 1 ไร่ เฉลี่ยอยู่ที่ 360 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวเปลือกจ้าว 610 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวหอมปทุม 685 กิโลกรัมต่อไร่ โดยพี่น้องเกษตรกรชาวจังหวัดอ่างทองอยู่บริเวณพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางและอีกหลายจังหวัด เช่น จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดลพบุรี และจังหวัดปทุมธานี เป็นต้น พี่น้องเกษตรกรเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ชลประทาน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ที่ทำได้จริงนั้นอยู่ที่ 900-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ท่านรับเข้าโครงการประกันรายได้อยู่ที่ 600 กิโลกรัมต่อไร่ นี่คือสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จำเป็นที่จะต้องนำไปทบทวน และการที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะเสนอโครงการประกันรายได้ปีที่ 3 แก่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. เพื่อขออนุมัติหลักการและนำไปเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อออกเป็นนโยบายในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในปีที่ 3 สิ่งที่อยากจะสะท้อนไปถึงท่าน

 

“ท่านอย่าทำเหมือนเดิมได้หรือไม่ ท่านทำมาแล้ว 2 ปี ท่านก็น่าจะรู้ปัญหาแล้วว่า 2 ปีที่ผ่านมามันดีอย่างไร และมีข้อเสียอย่างไร ถ้าท่านยังทำเหมือนเดิม นั่นแปลว่าท่านมองข้ามสิ่งที่เป็นปัญหา อุปสรรค ที่ทำให้พี่น้องชาวเกษตรกรไม่ได้รับเงินตามโครงการประกันรายได้เท่าที่ควร” กรวีร์ กล่าว

 

กรวีร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนอยากจะเห็นว่าการพิจารณางบประมาณที่ตนเสนอปรับลดในครั้งนี้จะสามารถสะท้อนแทนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวเกษตรกรที่กำลังประสบกับปัญหาความเดือดร้อน สินค้าทางการเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเท่าตัว ท่านอย่าเข้าไปช่วยเหลือแล้วกลัวเขารวย ท่านต้องช่วยวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้เขารวย ให้เขามีเงิน เพราะถ้าพี่น้องเกษตรกรอยู่ได้ รัฐบาลชุดนี้ก็อยู่ได้ และสภาแห่งนี้ก็อยู่ได้

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X