ที่สุดแล้วการหวนคืนหน้าจอในรอบ 5 ปีของกรรมกรข่าวที่ชื่อว่า ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ก็ช่วยให้สถานการณ์ทางธุรกิจของช่อง 3 ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนจากรายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 2/64 ที่เติบโต โดยเฉพาะกำไรที่โต ‘หลัก 100%’
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC รายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 พบว่า มีรายได้ 1,504.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 81.2% ของรายได้รวม ซึ่งมาจากการขายเวลาโฆษณาของ ช่อง 33 เป็นหลัก
เจาะลงไปในรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,222.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นมาจากการขายนาทีโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และมีการเติบโตจากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงคอนเทนต์ ทั้งรายการข่าวและละคร ทำให้สามารถเพิ่มนาทีขายได้ดีขึ้น
ไตรมาสนี้ BEC ได้มีการปรับปรุงผังรายการออกอากาศต่างๆ เช่น รายการข่าวใหม่ๆ ได้แก่ รายการ ขันข่าวเช้าตรู่ และรายการ ข่าวสามสี รวมถึงมีการเพิ่มเวลาออกอากาศรายการข่าว เรื่องเล่าเช้านี้ อีก 25 นาที และการกลับมาของกรรมกรข่าว ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ในรายการ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ และ เรื่องเล่าเช้านี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564
นอกจากนี้ได้มีการย้ายเวลาออกอากาศรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ มาออกอากาศในช่วงก่อนเวลาก่อนละคร Pre-Prime Time รวมถึงมีการใช้คอนเทนต์ละครใหม่ช่วง Pre-Prime Time เพื่อสร้างรายได้เพิ่มตามการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในช่วงเวลานั้น และละครใหม่ช่วง Pre-Prime Time ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและผู้ชมอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันกลุ่ม BEC ได้มีการออกอากาศคู่ขนาน (Simulcast) ละคร 3 เรื่องไปยังต่างประเทศ ได้แก่ อุบัติร้ายอุบัติรัก, พราวมุก และ สองเสน่หา ตลอดจนได้มีการประกาศการทำ Simulcast ละคร 6 เรื่องไปยังแพลตฟอร์ม Netflix ประกอบด้วย ให้รักพิพากษา, พิศวาสฆาตเกมส์, Help Me คุณผีช่วยด้วย, ดวงตาที่สาม, เกมล่าทรชน และ คุณหมีปาฏิหาริย์ โดยทั้ง 6 เรื่องจะทยอยออกอากาศและรับรู้รายได้ในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/64 ถึงไตรมาสที่ 1/65
โดยสรุปแล้ว BEC มีผลกำไรสุทธิ 184.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 169.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา