หลังตกเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ บมจ.สินมั่นคงประกันภัย (SMK) อยู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าจะยกเลิกกรมธรรม์ประกันโควิดแบบ ‘เจอ จ่าย จบ’ โดยให้เหตุผลว่า ต้องการบริหารความเสี่ยงหลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงต่อเนื่อง ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ต้องออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 สั่งให้สินมั่นคงประกันภัยยกเลิกการบอกเลิกสัญญาประกันภัยดังกล่าว เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย
ล่าสุด สินมั่นคงประกันภัยได้เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2564 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยพบว่า ในไตรมาสดังกล่าวบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิรวม 359.43 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 218.03 ล้านบาท หรือมีผลดำเนินงานที่ทรุดตัวลงกว่า 264% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายจ่ายในส่วนของค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด
ทั้งนี้สินมั่นคงประกันภัยชี้แจงถึงผลดำเนินงานที่ทรุดตัวลงจนมียอดขาดทุนสุทธิกว่า 359 ล้านบาทว่า ในไตรมาสดังกล่าวบริษัทมีรายได้รวม 2,675 ล้านบาท ลดลง 29.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุเพราะในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 660 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 30% ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2563 เบี้ยประกันภัยรับมีอัตราเติบโตลดลง 20.96% ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 ลดลง 199.86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 7.44%
รายได้และกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 163.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 8,037% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 207.57 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 179% โดยในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทได้ปรับพอร์ตการลงทุนส่งผลให้มีกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนและการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนเผื่อขาย เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมากจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด
ส่วนค่าใช้จ่ายในไตรมาส 2 ปี 2564 มีรวมทั้งสิ้น 3,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่าย 2,437 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจาก
- ค่าสินไหมทดแทนในไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 733 ล้านบาท มาอยู่ที่ 2,284 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 47% ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิดที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่ากับ 1.76 ล้านบาท ลดลง 139 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 98.7% เป็นผลจากปีก่อนมีการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตจากหุ้นกู้เอกชนที่บริษัทลงทุนจำนวน 141.3 ล้านบาท
โดยสรุปในไตรมาส 2 ปี 2564 สินมั่นคงประกันภัยมีรายได้รวม 2,676 ล้านบาท ลดลง 29.6% คิดเป็นการลดลง 1.09% ส่วนค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 3,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 693 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 28.4% ส่งผลใหัมีผลขาดทุนสุทธิ 359.4 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 218 ล้านบาท จึงคิดเป็นการลดลง 264.8%
สำหรับบริษัทประกันภัยอื่นๆ พบว่า ผลดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 ส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยังไม่ถึงขั้นขาดทุนสุทธิ แต่ขณะเดียวกันก็พบว่า ยังมีอีกหลายบริษัทที่ผลดำเนินงานสามารถโชว์กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ เช่น เมืองไทยประกันภัย ที่มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2564 รวม 226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และทิพยประกันภัย ที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%
ผลดำเนินงานกลุ่มบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยในไตรมาส 2 ปี 2564 พบว่า ส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิปรับตัวลดลง โดยมี บมจ.สินมั่นคงประกันภัย ที่พลิกกลับมาขาดทุนจากยอดเคลมประกันโควิดที่สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีบางบริษัทที่ยังสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้