กลุ่มกบฏตาลีบันในอัฟกานิสถานประกาศอ้างว่า ได้บุกเข้ายึดเมืองกันดาฮาร์ เมืองเอกของจังหวัดกันดาฮาร์และเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ที่มีประชากรกว่า 600,000 คน ได้สำเร็จ โดยหากเป็นจริงจะถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของฝ่ายกองทัพรัฐบาลอัฟกานิสถาน และกันดาฮาร์ ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นและจุดกำเนิดของกลุ่มตาลีบันมาก่อน จะกลายเป็นเมืองเอกแห่งที่ 12 จาก 34 แห่ง ที่ถูกกลุ่มตาลีบันบุกยึดครองในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว AP รายงานคำบอกเล่าจากประชาชนในพื้นที่ว่า กลุ่มตาลีบันได้เข้ายึดสำนักงานผู้ว่าราชการและอาคารรัฐบาลอื่นๆ แล้ว ขณะที่รัฐบาลอัฟกานิสถานยังไม่ออกมาแสดงท่าทีหรือยอมรับต่อความพ่ายแพ้ในกันดาฮาร์แต่อย่างใด
ด้านโฆษกของกลุ่มตาลีบันโพสต์ข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ทางการของกลุ่ม อ้างว่ากันดาฮาร์นั้นถูกยึดแล้ว และนักรบมูจาฮิดีนของตาลีบันได้เข้าไปถึงยังพื้นที่จัตุรัสใจกลางเมือง
“กันดาฮาร์ถูกพิชิตอย่างสมบูรณ์ และนักรบมูจาฮิดีนเข้าไปถึงจัตุรัสผู้พลีชีพภายในเมืองแล้ว” โฆษกกลุ่มตาลีบันระบุ ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าว
ก่อนหน้านี้กลุ่มตาลีบันได้บุกเข้ายึด 2 เมืองเอกสำคัญอย่างเมืองเฮรัต เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และเมืองกัซนี ที่อยู่ห่างจากกรุงคาบูลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 130 กิโลเมตร ซึ่งถูกบุกยึดไปเมื่อวานนี้ (12 สิงหาคม) ซึ่ง ชาร์ลอตต์ เบลลิส ผู้สื่อข่าวของ Al Jazeera รายงานตรงจากคาบูลว่า การสูญเสียเมืองเฮรัตถือเป็นการรุกคืบครั้งสำคัญของฝ่ายตาลีบัน และเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพรัฐบาล
“กลุ่มตาลีบันดำเนินการโจมตีครั้งใหญ่ในช่วงเย็นวันนี้ โดยอ้างชัยชนะในพื้นที่ทางตะวันตก และรุกคืบอย่างมากทางตะวันออก พร้อมเดินหน้าการโจมตีหนักอย่างไม่น่าเชื่อในพื้นที่ตอนใต้” เบลลิสระบุ
ทั้งนี้ Al Jazeera ยังรายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการว่า รัฐบาลอัฟกานิสถานได้ยื่นข้อเสนอแบ่งปันอำนาจแก่กลุ่มตาลีบัน เพื่อแลกกับการยุติการสู้รบและการก่อความรุนแรงทั่วประเทศ แต่ยังไม่มีท่าทีจากฝ่ายตาลีบันว่าจะตอบรับข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่
สำหรับท่าทีจากนานาชาติ เมื่อวานนี้ที่กรุงโดฮาของกาตาร์มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะทูตจากสหรัฐฯ จีน รัสเซีย และอีกหลายประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนเจรจาจากฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถานและกลุ่มตาลีบัน
โดยที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถานและกลุ่มตาลีบันเร่งเดินหน้ากระบวนการสันติภาพ เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการเมือง และหยุดยิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ยืนยันว่านานาชาติจะไม่ยอมรับรัฐบาลอัฟกานิสถานชุดใดก็ตามที่มาจากการใช้กำลังทหาร
ทางด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงถึงประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน โดยให้ความมั่นใจว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนด้านความมั่นคงและเสถียรภาพของอัฟกานิสถาน
ขณะที่ล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งกำลังทหารเกือบ 3,000 นาย ไปยังสนามบินในกรุงคาบูล เพื่อปฏิบัติภารกิจอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตจำนวนหนึ่งออกจากอัฟกานิสถานด้วยเที่ยวบินพิเศษ เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรที่ส่งกำลังทหารราว 600 คน ไปยังอัฟกานิสถานอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติภารกิจระยะสั้นในการช่วยเหลือพลเรือนชาวอังกฤษออกจากอัฟกานิสถาน
ภาพ: Photo by MARCUS YAM / LOS ANGELES TIMES
อ้างอิง: