เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 7.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%QoQ และ 0.6%YoY หากตัดกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนออกไป พบว่า มีกำไรปกติ 2Q64 อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท ลดลง 1%QoQ แต่เติบโต 2.2%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด
โดยรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2Q64 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.9%QoQ และ 1.5%YoY โดยมีสาเหตุมาจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิดและการแข่งขันที่สูงขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งส่งผลให้รายได้ลูกค้าระบบเติมเงินลดลง 3.9%QoQ และ 8.2%YoY ขณะที่รายได้ลูกค้าระบบรายเดือนยังแข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 1.9%QoQ และ 3.9%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการรายเดือนสุทธิที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ADVANC มีลูกค้าที่สมัครใช้บริการ 5G แล้วถึง 1 ล้านรายแล้ว ณ สิ้น 2Q64
สำหรับรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (FBB) 2Q64 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%QoQ และ 21%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 104,000 ราย อันเป็นผลมาจากการทำงานและเรียนที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ARPU อ่อนแอที่ 458 บาทต่อรายต่อเดือน ลดลง 0.9%QoQ และ 6.4%YoY เนื่องจากลูกค้าสมัครแพ็กเกจระดับราคาต่ำที่ 399 บาทต่อเดือน
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (4 สิงหาคม) ราคาหุ้น ADVANC ไม่ตอบสนองมากนัก โดยปรับตัวลงเล็กน้อย 0.28%DoD สู่ระดับ 176.50 บาท เช่นเดียวกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 4.77 จุดหรือลดลง 0.31%DoD สู่ระดับ 1,535.74 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q64 ของ ADVANC จะลดลง QoQ แต่ทรงตัว YoY เนื่องจากการล็อกดาวน์จะส่งผลทำให้บริษัททำกิจกรรมหาลูกค้ารายใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านลบต่อรายได้ลูกค้าระบบเติมเงิน นอกจากนี้เศรษฐกิจที่อ่อนแอยังจะทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม อีกทั้งการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ในด้านบวกบริษัทจะประหยัดต้นทุนได้บางส่วน โดยมีสาเหตุมาจากกิจกรรมการตลาดที่ลดน้อยลง
มุมมองระยะยาว:
ADVANC ได้ปรับเป้าหมายทางการเงินลง โดยแนวโน้มรายได้ปี 2564 ADVANC คาดการณ์ว่าจะทรงตัว YoY หรืออาจลดลงเล็กน้อย โดยมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำเนื่องจากผลกระทบของโควิด สำหรับ EBITDA คาดว่าจะทรงตัว YoY จากเดิมคาดว่าจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ แต่ยังคงงบลงทุน (ไม่รวมคลื่นความถี่) ไว้ที่ 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ต้องติดตาม Upside Risk จากจำนวนผู้ใช้บริการ 5G ของบริษัท ซึ่ง 5G ปัจจุบัน โครงข่าย 5G ของบริษัทครอบคลุม 25% ของประชากรทั้งหมด แต่ผู้บริหารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ภายในสิ้นปี 2564
