ท่ามกลางฉากอันงดงามสะกดตา แสงเทียนสว่างไสวสลับกับแสงไฟจากนีออนรูปกางเขนอันเป็นลักษณ์แทนโลกแห่งความตาย พ่อหนุ่มตาคม Romeo (Leonardo DiCaprio) แห่งตระกูล Montague มองสภาพไร้ลมหายใจของหญิงสาวคนรัก Juliet Capulet (Claire Danes) ด้วยใจอันแหลกสลาย… ก่อนจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยไม่ได้รู้เลยว่า แท้จริงนั่นเป็นเพียงผลจากยาวิเศษที่ทำให้คนรักของเขาอยู่ในสภาพ ‘เหมือนตาย’ และตื่นขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมาเพื่อ ‘ตายตาม Romeo ไปจริงๆ’
เพราะความบาดหมางแค้นเคืองไม่รู้จักจบสิ้นในอดีตจากรุ่นปู่ย่า รุ่นพ่อแม่โดยแท้!
ที่ส่งผลสืบต่อมาจนถึงคนรุ่นลูก กระทั่งสุดท้ายกว่าทั้งสองแก๊งจากตระกูลคู่ปรับแห่ง Verano Beach จะได้บทเรียน ก็เมื่อถึงวันที่เกิดโศกกรรมอันเนื่องมาจากการจัดฉากความตาย จนชีวิตของ Romeo Montague และ Juliet Capulet ต้องวายวอดอย่างไม่น่าวอดวายไปเสียก่อน
Romeo + Juliet (1996) คือผลงานภาพยนตร์ของผู้กำกับ Baz Luhrmann เนื้อหาดัดแปลงอย่างร่วมสมัย จากวรรณกรรมดั้งเดิมระดับคลาสสิกของ William Shakespeare ว่าด้วยโศกนาฏกรรมความรักหนุ่มสาวจากสองแก๊ง ตระกูลคู่แค้นแห่ง Verano Beach ที่มาพร้อมกับบรรยากาศและองค์ประกอบศิลป์ที่งดงามน่าตื่นตา อีกทั้งงานคอสตูมที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่นร่วมสมัย
หลังจาก Romeo + Juliet ออกฉาย ทำเงินไปเกือบ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก จากต้นทุนคาดการณ์ราว 14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Production Design ในปี 1997 ด้าน Leonardo DiCaprio เองก็สามารถเก็บรางวัลหมีทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Berlin International Film Festival มาครองได้อย่างสวยงาม
ขณะเดียวกันในแง่ป๊อปคัลเจอร์ ภาพจำของภาพยนตร์รวมไปถึงภาพการแสดงของ Leonardo DiCaprio ในวัย 21 ปีที่หล่อใส แตกเนื้อหนุ่มลั่นดังเปรี๊ยะ และนางเอกสาว Claire Danes ส่งผลให้จนถึงปัจจุบันนี้ Romeo + Juliet ยังคงเป็นหนึ่งในผลผลิตแห่งยุค 90 ที่แฟนๆ จดจำและหลงรักมากที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์
อ้างอิง: