ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ทีมข่าวเศรษฐกิจ THE STANDARD ลงพื้นที่และมีโอกาสพูดคุยกับ วศิน เรืองประทีปแสง กงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว ที่เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ One Belt One Road ว่า ขณะนี้ในพื้นที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางโจว เจริญก้าวหน้าจากเดิมมาก และเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อประเทศจีนตอนใต้กับประเทศอื่นๆ ซึ่งทางการจีนกำลังจะเปิดช่องทางเชื่อมต่อพื้นที่นี้กับฮ่องกงและมาเก๊าในปี 2561 นี้ คาดว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่จะอยู่ที่ 7% ซึ่งสูงกว่าประมาณการเศรษฐกิจของทั้งประเทศ
จากเดิมการรับรู้เรื่องเมืองเซินเจิ้นของคนไทยคือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่ทางการกวาดล้างอย่างหนักจนลดลงไปมาก ซึ่งตอนนี้ภาพของเซินเจิ้นคือเมืองอุตสาหกรรมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Huawei ที่ตั้งโรงงานผลิตในพื้นที่ส่งออกไปทั่วโลกและครองสัดส่วนตลาดโลกอันดับที่ 3 นอกจากนี้ยังมีบริษัทผลิตโดรน DJI ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอากาศยานไร้คนขับถึง 70% ของทั้งหมด และล่าสุดก็ต่อยอดผลิตโดรนสำหรับภาคเกษตรกรรมด้วย
สำหรับโอกาสของนักธุรกิจไทย กงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว บอกว่า ที่ผ่านมามีธุรกิจขนาดใหญ่อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เข้ามาลงทุนทั้งฟาร์มไก่ สุกร และกุ้ง ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กพยายามเข้ามาทำตลาดในพื้นที่นี้ เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพ ผู้คนมีกำลังซื้อ แต่ก็ยังไม่มีรายใดที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน สินค้ายอดนิยมคือข้าวหอมมะลิ ซึ่งคนจีนนิยมบริโภค แต่ก็ยังเจอกับปัญหาข้าวที่ใช้บรรจุภัณฑ์ปลอมเข้ามาตีตลาด ทำให้เข้าใจว่าเป็นข้าวจากไทย ทั้งที่เป็นข้าวจากท้องถิ่น ซึ่งสร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการไทยพอสมควร
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือผู้ประกอบการไทยต้องเร่งยกระดับสินค้า ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้นเพื่อจะได้ขยายตลาดมาที่จีนได้ สำหรับแผนขยายการลงทุนของธุรกิจเทคโนโลยีจีนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด