สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังพิจารณาบทลงโทษที่ร้ายแรงสำหรับ DiDi Global Inc. หลังจากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในนิวยอร์กเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีการประเมินว่าโทษร้ายแรงของ DiDi อาจถึงขั้นถูกบังคับให้เพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ
บริษัท ตีตี โกลบอล อิงค์ หรือ DiDi Global Inc. ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสาร ตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) เผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง หลังสื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับ DiDi โดยอาจสั่งปรับเป็นเงินมูลค่ามหาศาล หรืออาจถึงขั้นบังคับให้ DiDi เพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทเพิ่งเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ข่าวดังกล่าวกดดันให้ราคาหุ้น DiDi ปรับตัวลดลงมากกว่า 10% และลดลงไปแล้วประมาณ 25% นับตั้งแต่ที่บริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มต้นราคาซื้อที่ 14 ดอลลาร์ต่อหุ้น
สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังวางแผนใช้บทลงโทษ DiDi Global Inc. ซึ่งรวมถึงการสั่งปรับเป็นเงินจำนวนมาก และอาจจะมากกว่าที่ Alibaba เคยถูกปรับเป็นเงิน 2.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อต้นปีนี้
นอกจากนี้ มาตรการลงโทษอาจรวมถึงการสั่งระงับการดำเนินงานบางส่วน ไปจนถึงการบังคับให้ DiDi เพิกถอนการจดทะเบียนหรือถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์สได้สอบถามไปทาง DiDi แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลจีนทั้ง 7 แห่งได้เดินทางไปยังสำนักงานของ DiDi Global Inc. เพื่อดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยได้บังคับให้ทาง DiDi หยุดให้บริการแก่ผู้ใช้งานรายใหม่ และมีคำสั่งให้ถอดแอปพลิเคชัน ตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) ออกจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของจีน โดย CAC อ้างว่า DiDi ทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มสำหรับบริษัทจีนที่เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี โดยสภาแห่งรัฐของจีนระบุในแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะปรับแก้หลักเกณฑ์ว่าด้วย ‘ระบบการจดทะเบียนของบริษัทจีนในต่างประเทศ’ พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัย และการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างประเทศ
อ้างอิง: