วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงข่าวประสิทธิผลวัคซีนโควิดว่า จากการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิดสถานการณ์จริงในประเทศไทย 4 การศึกษา ดังนี้
- จังหวัดภูเก็ต เป็นการศึกษาติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2564 จำนวนกว่า 1,500 ราย พบการติดเชื้อ 124 ราย เมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์การติดเชื้อระหว่างผู้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีน พบว่าประสิทธิผลช่วยป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 90.7%
- จังหวัดสมุทรสาคร เป็นการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเช่นกันกว่า 500 ราย ช่วงเดือนเมษายน 2564 พบติดเชื้อ 116 ราย ประสิทธิผลป้องกันติดเชื้ออยู่ที่ 90.5%
- จังหวัดเชียงราย เป็นการศึกษากรณีพบการติดเชื้อในบุคลากรสาธารณสุข ช่วงเดือนมิถุนายน 2564 โดยศึกษาบุคลากรกว่า 500 ราย พบการติดเชื้อ 40 ราย และยังได้ติดตามความรุนแรงเรื่องปอดอักเสบ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลพบว่า ประสิทธิผลของ Sinovac สองเข็มป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 88.8% และป้องกันปอดอักเสบอยู่ที่ 84.9% ส่วนบุคลากรที่ได้รับ AstraZeneca 1 เข็มครบ 14 วัน ป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 83.8%
- กรมควบคุมโรค ใช้ฐานข้อมูลติดตามบุคลากรสาธารณสุขที่ติดเชื้อทั้งประเทศ และข้อมูลการรับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2564 พบว่า ประสิทธิผลอยู่ที่ 71% ช่วงเดือนพฤษภาคมที่มีการระบาดเป็นสายพันธุ์อัลฟา และประสิทธิผลอยู่ที่ 75% ช่วงเดือนเดือนมิถุนายนที่เริ่มมีการระบาดของสายพันธุ์เดลตาแทนที่อัลฟาประมาณ 20-40%
ผลการศึกษาทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นสายพันธุ์อัลฟาเกือบทั้งหมด พบว่าประสิทธิผลของ Sinovac หากได้ครบ 2 เข็ม ยังมีประสิทธิผลดีพอสมควร คือป้องกันการติดเชื้อประมาณร้อยละ 90 และป้องกันปอดอักเสบได้ร้อยละ 85%
ส่วนประสิทธิผลต่อสายพันธุ์เดลตา ข้อมูลที่ศึกษาโดยกรมควบคุมโรคในขณะนี้ ถือว่ายังคงที่คือร้อยละ 75 ที่ไม่ต่างจากเดิมที่ร้อยละ 71 วัคซีนที่ประเทศไทยใช้อยู่ปัจจุบันถือว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลสูง โดยเฉพาะสายพันธุ์อัลฟา
ส่วนการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดมีสัดส่วนของสายพันธุ์เดลตาที่สูงขึ้นรวดเร็ว ข้อมูลการศึกษาภาคสนามกรมควบคุมโรคยังไม่พบว่าประสิทธิผลของวัคซีนลดลง
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการพบว่า การฉีดเข็มกระตุ้นและการฉีดสลับประเภทของวัคซีนในกรณีที่เดิมเป็นการใช้วัคซีนเชื้อตายแบบ Sinovac จะสามารถเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้ได้สูงกว่าเดิมได้รวดเร็วและสูงมากขึ้น จึงทำให้มีการปรับนโยบายวิธีการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวัคซีนที่มีอยู่ให้สูงขึ้น โดยบุคลากรสาธารณสุขที่ฉีดวัคซีนครบแล้วมีการเพิ่มเข็มกระตุ้น และประชาชนทั่วไป ใช้การฉีดสลับประเภทในกรณีที่เดิมได้รับวัคซีน Sinovac ทั้งนี้เพื่อสามารถรับมือการระบาดของสายพันธุ์เดลตาล่วงหน้าได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม โดยไม่ได้หมายความว่าวัคซีนเดิมไม่มีประสิทธิผลแต่ประการใด
นพ.ทวีทรัพย์กล่าวต่อไปว่า ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกยังมีความจำกัดของวัคซีน ประเทศไทยยังมีความจำเป็นและควรใช้วัคซีน Sinovac ต่อไป เนื่องจากวัคซีน Sinovac เองถือว่ายังมีประสิทธิผลดี ดังผลการศึกษาประสิทธิผลในประเทศ และยังสามารถจัดหาได้เร็ว ปริมาณพอสมควรได้โดยไม่ต้องรอถึงไตรมาส 4 หรือปีหน้า ที่อาจทำให้ไม่ทันการณ์ต่อการป้องกันควบคุมการระบาดในขณะนี้ สถานการณ์การขาดแคลนวัคซีนเป็นไปเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ประเทศไทยมีความพยายามในการจัดหาวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดสามารถตกลงที่จะนำวัคซีน mRNA คือวัคซีน Pfizer เข้ามาเพิ่มเป็นวัคซีนหลักอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย จำนวน 20 ล้านโดส โดยบริษัทคาดว่าสามารถจัดส่งให้ช่วงไตรมาส 4 คือหลังเดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป