วันนี้ (17 กรกฎาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์และมาตรการป้องกันโควิด โดยยอมรับว่าสถานการณ์โควิดในประเทศไทยกระทบขีดความสามารถทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดที่มีผู้เดินทางกลับไปรักษาตัวจำนวนมาก โดยการระบาดรอบนี้ต่างจากรอบก่อนหน้านี้มาก เพราะมีการติดเชื้อในครอบครัวและติดเชื้อไปถึงผู้สูงอายุซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,082 ราย และผู้เสียชีวิต 141 ราย ส่วนใหญ่มากกว่า 70% เป็นผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อของการระบาดระลอกนี้ต่างจากก่อนหน้านี้มาก เพราะพบการระบาดแพร่เชื้อของคนในครอบครัว และติดไปถึงผู้สูงอายุในบ้าน จนถึงวันนี้ยังมีการลักลอบเล่นการพนัน จัดปาร์ตี้ที่บ้าน เป็นความเสี่ยงที่ทำให้การระบาดไม่ลดลง ต้องขอบคุณความร่วมมือของทุกภาคส่วนและประชาชนที่ยังให้ความร่วมมือเป็นส่วนใหญ่
“ถึงเวลาที่ทุกคนต้องปกป้องคนที่ท่านรักและตัวท่านเอง โดยการงดออกจากบ้าน ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด ลดความเสี่ยงจากการไปติดเชื้อนอกบ้านและไม่แพร่เชื้อต่อ ทั้งนี้ เวลาอยู่บ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รับประทานอาหารแยกกัน ทำความสะอาดของใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ตู้เย็น ราวบันได และโต๊ะอาหาร” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่า เราทุกคนต้องปกป้องผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง จำเป็นต้องพาผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังไปฉีดวัคซีน ซึ่งตอนนี้ กทม. จะได้รับวัคซีนฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ในหลายจุด
สำหรับสถานการณ์โรคในหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคกลางและภาคตะวันออก ยังพบการระบาดในโรงงาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและแรงงานต้องร่วมกันลดการแพร่เชื้อไปในชุมชนรอบๆ ต้องมีมาตรการเคร่งครัด โดยอยู่ในสถานประกอบการและที่พักเท่านั้น ส่วนสถานการณ์โรคในภาคเหนือและอีสาน พบผู้ติดเชื้อเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลต้องรับผู้ป่วยที่มากขึ้นและรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอความร่วมมือทุกท่านงดการเดินทางข้ามจังหวัด และผู้ที่ยังไม่มีอาการหรืออาการน้อยให้ดูแลรักษาที่บ้านหรือการกักตัวรักษาในชุมชน ซึ่งขณะนี้ได้มีความร่วมมือหลายหน่วยงานใน กทม. ได้เริ่มดำเนินการเป็นรูปธรรมแล้ว
“สถานการณ์ขณะนี้คาดการณ์ว่า หากยังไม่ทำมาตรการอะไรที่เพิ่มเติมกว่านี้ จะทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการควบคุมโรค โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ทุกท่านต้องเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล และเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเรื้อรัง ต้องขอแจ้งว่าความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีระดับสูงมากกลับมาดีขึ้นได้ในเร็ววัน” นพ.โอภาส กล่าวในที่สุด