เปรูขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือโควิดไปจนถึง 31 สิงหาคม ท่ามกลางการไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (11 กรกฎาคม) ทางการเปรูตัดสินใจขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือโควิดออกไปจนถึง 31 สิงหาคม จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ท่ามกลางการไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองและการพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายระยะเวลาดังกล่าวเปิดโอกาสให้รัฐบาลดำเนินมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ทั่วประเทศตามแนวทางของรัฐบาลต่อไปได้

ล่าสุดเปรูเป็นหนึ่งในประเทศแถบลาตินอเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 2 ล้านราย (2,078,815 ราย) เสียชีวิตแล้ว 193,230 ราย ทั้งยังเป็นประเทศที่มีอัตราผู้เสียชีวิตต่อจำนวนประชากร 1 ล้านราย สูงที่สุดในขณะนี้จากการติดตามและเก็บรวบรวมข้อมูลโดย Our World In Data

ทางการเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดให้พลเมืองแล้ว 8.9 ล้านโดส ขณะที่พลเมืองราว 3.5 ล้านราย หรือคิดเป็น 11.1% ของประชากรทั้งหมดเข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว

ขณะนี้เปรูกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองและมีวิฤตต่างๆ กำลังท้าทายการบริหารจัดการของรัฐบาลประเทศนี้อยู่ ไม่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่พฤศจิกายน 2020 เปรูเปลี่ยนประธานาธิบดีมาแล้วถึง 3 ราย

อีกทั้งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่รอบสองที่จัดขึ้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับการประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ หลังจาก เปโดร กัสตีโญ ผู้สมัครจากพรรค Free Peru มีคะแนนเสียงเบื้องต้นเฉือนชนะ เกโกะ ฟูฆิโมริ ลูกสาวคนโตของ อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ อดีตประธานาธิบดีเปรู ไปด้วยคะแนนเสียง 50.13% ต่อ 49.87% ซึ่งมีคะแนนห่างกันเพียง 44,300 คะแนนเท่านั้น กิโกะจึงยื่นเรื่องทักท้วงผลการเลือกตั้งและขอให้ตรวจสอบการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการเมือง ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังผู้สนับสนุนของแต่ละฝ่ายต่างออกมาแสดงจุดยืนและปกป้องการใช้คะแนนเสียงของตน

บทความที่เกี่ยวข้อง: