อิสราเอลชี้ วัคซีน Pfizer ประสิทธิภาพป้องกันการติดโควิดลดลง หลังเดลตาระบาด ย้ำยังป้องกันการป่วยรุนแรงได้สูง 93%

วันนี้ (6 กรกฎาคม) ทางการอิสราเอลระบุ วัคซีนโควิดจาก Pfizer-BioNTech มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดโควิดลดลงมาอยู่ที่ราว 64% หลังเชื้อโควิดกลายพันธ์ุ สายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2) แพร่ระบาดอย่างหนัก ย้ำวัคซีนยังมีประสิทธิภาพสูงถึง 93% ในการป้องกันการป่วยรุนแรงและเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเคยระบุว่า วัคซีนโควิดจาก Pfizer 2 โดส สามารถป้องกันการติดเชื้อ การป่วยรุนแรงและเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สูงกว่า 95% ในกรณีที่เป็นสายพันธ์ุดั้งเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ทางการยังยืนยันว่า วัคซีนนี้ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอในการต้านโควิดสายพันธ์ุเดลตา แม้จะมีประสิทธิภาพลดลงก็ตาม

อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 8.43 แสนราย รักษาหายแล้ว 8.34 แสนราย เสียชีวิตแล้ว 6,428 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ราว 300 รายต่อวัน ลดลงจากช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่เคยติดเชื้อสูงเกือบ 12,000 ราย ภายในวันเดียว แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากโควิดสายพันธ์ุเดลตาระบาด ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการรับมือโควิดที่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากอนามัยกันน้อยลง

ทางการเดินหน้าฉีดวัคซีนไปแล้ว 10.82 ล้านโดส 65.2% ของพลเมืองเข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่เกือบ 60% ของพลเมืองทั้งประเทศเข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว นับเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรเข้ารับวัคซีนครบโดสแล้วมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ต่อจากมอลตา (75.9%) เซเชลส์ (68.8%) ซานมารีโน (66.3%) และไอซ์แลนด์ (65.6%)

ทางด้าน อีรัน เซกัล นักวิทยาศาสตร์ ประจำ Israel’s Weizmann Institute of Science ระบุว่า การเปิดโอกาสให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติและผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ เป็นสิ่งที่สามารถทำต่อไปได้ ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรับมืออื่นๆ เช่น การฉีดวัคซีนและการคัดกรองผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการแพร่กระจายเชื้อภายในประเทศ

บทความที่เกี่ยวข้อง: