×

ความบาดหมางของ ‘สามทหารเสือฝรั่งเศส’ และบทเรียนในอดีตที่ ‘Les Bleus’ จะผิดซ้ำมิได้

15.06.2021
  • LOADING...
Les Bleus

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • เกิดรอยร้าวในทีมชาติฝรั่งเศสระหว่างกองหน้าอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่มีการโต้ตอบกันผ่านสื่อในช่วงก่อนจะลงสนามนัดแรกในฟุตบอลยูโร 2020 
  • การกลับมาของ คาริม เบนเซมา อาจมีส่วนหรือไม่มีส่วนกับความขัดแย้งของทั้งสอง แต่ระหว่างเขากับชิรูด์เองก็ไม่ได้ญาติดีอะไรกัน
  • ตลอดมา ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ไม่ได้เลือกเฉพาะคนที่เก่งที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่ดีพอจะเข้ากับทีมได้มากที่สุด และนั่นทำให้พวกเขาไปถึงแชมป์โลก 2018 ได้

“ผมได้คุยกับโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

คำพูดดังกล่าวออกมาจากปากและจากใจของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ สตาร์กองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีมชาติฝรั่งเศสเพียงหนึ่งวันก่อนหน้าที่เหล่าพลพรรค ‘Les Bleus’ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 และรองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2016 จะลงสนามในเปิดประเดิมสนามของพวกเขาในศึกยูโร 2020 ซึ่งเป็นเกมในกลุ่มแห่งความตายเพราะต้องพบกับทีมชาติเยอรมนี หนึ่งในมหาอำนาจลูกหนังเหมือนกัน และคำพูดนั้นชวนให้สงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

ที่มาของเรื่องนั้นเกิดจากการให้สัมภาษณ์ของชิรูด์ หัวหอกรุ่นพี่ที่ดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดในระหว่างเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายของฝรั่งเศสที่เอาชนะบัลแกเรียได้ 3-0 โดยกองหน้าจากทีมเชลซีเป็นผู้ทำ 2 ประตูในช่วงท้ายเกมได้ในวันนั้น

 

“ผมดูเงียบๆ ในเกมนี้เป็นเพราะว่าบางครั้งเวลาที่ผมวิ่งทำทางให้แต่ก็ไม่มีใครจ่ายบอลมาให้ ผมไม่ได้จะบอกว่าผมวิ่งทำทางได้ดีที่สุดเสมอไป แต่ผมก็พยายามที่จะหาโอกาสในกรอบเขตโทษเสมอ”


คำพูดของชิรูด์แม้จะไม่มีการระบุชื่อแต่ทุกคนรู้ และเอ็มบัปเป้ก็รู้ว่ามันหมายถึงเขา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือบรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างทั้งสอง โดยหลังคำสัมภาษณ์ของชิรูด์แค่หนึ่งวันกองหน้าวัย 22 ปีได้เตรียมที่จะแถลงข่าวในประเด็นนี้เพื่อชี้แจงเรื่องราวแต่ได้ถูกห้ามจาก ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ของทีมที่ไม่ต้องการให้ต่อความยาวสาวความยืดมากไปกว่านี้

 

ยังมีข่าวลือว่าชิรูด์ได้พยายามที่จะขอโทษแต่คำขอโทษนั้นกลับถูกปฏิเสธ ก่อนที่จะมีการยืนยันจากเอ็มบัปเป้ด้วยตัวเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรุ่นพี่นั้นดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปด้วยดีมากนัก เพียงแต่ทั้งสองได้มีการพูดคุยกันแล้วและจะไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนพยายามทุ่มเทมาต้องพังทลาย

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกองหน้าปารีส แซงต์ แชร์กแมงเผยถึงรายละเอียดว่า “ผมได้แสดงความยินดีกับเขาในห้องแต่งตัว เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมในตอนนั้นแล้วผมก็ถึงมาได้ยินจากสื่อ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่มันแย่

 

“ประเด็นอยู่ที่การที่เขาเอาไปพูดในที่สาธารณะ ผมอยากให้เขาเข้ามาและคุยกับผมตรงๆ ในห้องแต่งตัวมากกว่า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ทีมจะมาได้รับผลจากเรื่องนี้ด้วย

 

“ส่วนตัวผมเองยอมรับว่ารู้สึกได้รับผลกระทบบ้าง แต่เราจะไม่พยายามทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเรามาที่นี่ในฐานะตัวแทนของชาวฝรั่งเศส และเรื่องนี้สำคัญที่สุด”

 

อย่างไรก็ดี แม้เอ็มบัปเป้จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับคนที่ได้ยินย่อมรู้ดี

 

ว่านี่คือเรื่องใหญ่

 

 

สามทหารเสือฝรั่งเศส: เอ็มบัปเป้ ชิรูด์ และเบนเซมาผู้กลับมา

กรณีความขัดแย้งระหว่างเอ็มบัปเป้และชิรูด์เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง เพราะไม่เคยมีใครสังเกตเห็นความบาดหมางหรือไม่พอใจกันระหว่างทั้งสองมาก่อน

 

บางทีหนึ่งในเหตุผลอาจเกิดขึ้นจากบุคคลที่ 3 อย่าง คาริม เบนเซมา ที่อาจเกี่ยวข้องด้วยไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

 

ในเชิงของฝีเท้าแล้วไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเบนเซมานั้นคู่ควรกับการสวมเสื้อตราสามสีของฝรั่งเศส แม้วัยจะล่วงเข้า 33 ปีแต่ฟอร์มการเล่น ระดับฝีเท้าและประสบการณ์ที่สั่งสมมารวมถึงความสามารถในการเป็นผู้นำของดาวยิงจากเรอัล มาดริดนั้นพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม

 

เพียงแต่บางครั้งฟุตบอลไม่ได้ตัดสินกันที่ฝีเท้าการเล่นเพียงอย่างเดียว เพราะมันคือเกมที่เล่นกัน 11 คนในสนาม และการเป็นส่วนหนึ่งของทีมขนาด 26 คนในแคมป์

 

‘ความสัมพันธ์’ ภายในทีมคืออีกหนึ่งเรื่องที่มีความหมายอย่างมาก

 

ปัญหาสำหรับเบนเซมาคือเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับ มาติเยอ วัลบูเอนา อดีตมิดฟิลด์ตัวทำเกมเพื่อนร่วมทีมชาติด้วยกัน

 

วัลบูเอนาถูกขู่จากกลุ่มผู้ร้ายให้จ่ายเงินให้แลกกับการที่จะไม่เปิดเผยวิดีโอในขณะที่เขากำลังมีความสัมพันธ์ทางเพศโดยเบนเซมา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกับเรื่องนี้ในฐานะ ‘คนกลาง’ ที่รู้จักกับผู้ก่อการและเกลี้ยกล่อมให้กองกลางผู้โชคร้ายยอมเสียเงินจะได้จบเรื่อง

 

ครั้งนั้นวัลบูเอนาปฏิเสธและยังดำเนินคดีกับเบนเซมาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยจนกลายเป็นคดีอื้อฉาวของทีมชาติฝรั่งเศส และทำให้ทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) ไม่มีทางเลือกมากกว่าการสั่งแบนเขาจากทีมชาติเมื่อปี 2015 ซึ่งในเวลาต่อมาแม้โทษแบนดังกล่าวจะถูกทาง FFF ยกเลิกไป แต่ก็ไม่มีการเรียกตัวเบนเซมากลับมาติดทีมชาติอีกเลย

 

อย่างไรก็ดี ในศึกฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับเบนเซมาและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสำหรับเดส์ชองส์ในฐานะนายใหญ่ทีมชาติฝรั่งเศส ทั้งสองจึงได้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดอกถึงเรื่องของการกลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้ง

 

เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากการลบ ‘ปม’ ในใจของทั้งคู่ โดยเฉพาะกับเดส์ชองส์ที่รู้สึกผิดมากเป็นพิเศษ

 

ส่วนของการต่อสู้คดีนั้นต้องดำเนินไปโดยเบนเซมามีกำหนดที่จะต้องขึ้นศาลในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ส่วนของการเล่นฟุตบอลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่สุดแล้วก็มีการเรียกตัวดาวยิงจอมเก๋ากลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง โดยกระแสส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ดี เพราะเรื่องนั้นผ่านมาสักพักแล้วและเดส์ชองส์ก็ได้มีการหยั่งเสียงถามลูกทีมบ้างแล้วก่อนจะตัดสินใจ

 

แต่หนึ่งในคนที่ไม่อาจยินดีด้วยกับเรื่องนี้คือชิรูด์ ซึ่งเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเดียวที่ถูกคาดหมายว่าจะโดนเบนเซมาแย่งชิงตำแหน่งและสถานะในทีมไป

 

และที่แย่กว่านั้นคือการที่เบนเซมาเคยพูดจากระทบกระเทียบหัวหอกตัวเป้าวัย 34 ปีอย่างเจ็บแสบด้วยการเปรียบเทียบระดับฝีเท้าระหว่างทั้งสองคนว่าต่างกันราว ‘รถซูเปอร์คาร์กับรถโกคาร์ต’

 

ขณะที่ดูเหมือนเอ็มบัปเป้เองจะชื่นชอบในการเล่นร่วมกับเบนเซมา ที่ดูจะ ‘ทันกัน’ มากกว่าในเรื่องของฝีเท้า ตรงข้ามกับชิรูด์ที่ดูเหมือนจะเล่นดนตรีคนละตัวโน้ต

 

ทั้งนี้ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการกลับมาของเบนเซมาจะเป็นชนวนหรือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง 3 กองหน้าในทีม

 

แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้

 

 

 

 

 

ในการถ่ายภาพหมู่จะสังเกตเห็นโอลิวิเยร์ ชิรูด์อยู่ห่างจากคีเลียน เอ็มบัปเป้และคาริม เบนเซมา

 

‘Unus pro omnibus, omnes pro uno’ จิตวิญญาณทหารเสือที่สั่นคลอน

ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ก้องโลก ‘Les Trois Mousquetaires’ หรือ ‘สามทหารเสือ’ บทประพันธ์ของ อเล็กซองด์ ดูมาส์ ซึ่งเป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยดาตาญัง กับสามทหารเสือผู้กล้าหาญ อาธอส, ปอร์ธอส และอารามิสนั้นจะมีคำขวัญอมตะที่ตราตรึงในใจผู้คน

 

Unus pro omnibus, omnes pro uno (All for one, and one for all) ซึ่งเคยมีผู้แปลเอาไว้ด้วยสำนวนสละสลวยว่า “จากหมู่สู่เหล่า รวมเราเป็นหนึ่ง”

 

คำปฏิญาณของเหล่าทหารเสือคือหลักนำทางชีวิตของพวกเขาในการที่จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันในภาวะสงครามเพื่อปกปักษ์รักษาองค์ราชินี ซึ่งหลักคิดนี้ก็คล้ายคลึงกับแนวทางในการทำทีมชาติฝรั่งเศสในยุคของเดส์ชองส์เป็นอย่างดี

 

เพราะความที่เขาเป็นผู้นำของทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ซึ่งเป็นทีมที่เต็มไปด้วยความหลายหลากทางเชื้อชาติ และจากบทเรียนหายนะของทีมชาติฝรั่งเศสในชุดฟุตบอลโลก 2010 อันน่าอับอายทำให้เขารู้ดีว่าสิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำทีมไปสู่ความสำเร็จได้คือ ‘ความสามัคคี’

 

ตลอดมาเดส์ชองส์จึงไม่ได้คิดจะเลือกเฉพาะคนที่เก่งที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่ดีพอจะเข้ากับทีมได้ และด้วยบรรยากาศในทีมที่ดีทำให้พวกเขาสามารถก้าวไปถึงการเป็นรองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมกำลังเริ่มวางรากฐานใหม่ ก่อนจะมาถึงจุดสูงสุดในฟุตบอลโลก 2018 ที่สามารถพิชิตแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

 

กับฟุตบอลยูโร 2018 ด้วยขุมกำลังแล้วอาจเรียกได้ว่าเหนือกว่าทีมที่ครองโลกเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยซ้ำไป พวกเขาคือเต็งหนึ่งของรายการอย่างแท้จริง

 

แต่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกกินแหนงแคลงใจระหว่างเอ็มบัปเป้และชิรูด์ (ที่อาจเกี่ยวพันถึงการกลับมาของเบนเซมา) ทำให้อดกังวลไม่ได้ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ฝรั่งเศสชุดนี้ไม่สามารถก้าวไปถึงฝั่งฝันได้

 

ถึงโอกาสที่จะเกิดภาพที่น่าอับอายเหมือนวันที่นักเตะทีมชาติฝรั่งเศสประท้วงด้วยการไม่ลงมาฝึกซ้อมในช่วงฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสตัดสินใจส่งตัว นิโกลาส์ อเนลกา กองหน้าของทีมกลับประเทศทันทีหลังมีกรณีหลุดคำผรุสวาทใส่ เรย์มงด์ โดเมอเนค โค้ชของทีมและปฏิเสธที่จะขอโทษ จะมีน้อยเพราะเดส์ชองป์สไม่ใช่ศูนย์กลางของปัญหา แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดซ้ำ

 

ตรงนี้เป็นสิ่งที่จะวัดความสามารถในการปกครองของ ‘เดเด’ อย่างแท้จริงว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ให้กลับสู่สภาวะปกติได้หรือไม่ และเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร? ซึ่งในทีมยังมีตัวเลือกที่ดีอย่าง อองตวน กรีซมันน์ (ผู้อาจเปรียบได้ว่าเป็นดาตาญัง?) รวมถึง คิงสลีย์ โกม็อง ด้วยในแนวรุก

 

ฝรั่งเศสถึงจะเป็นเต็งหนึ่งของรายการ แต่งานของพวกเขาไม่ง่าย กลุ่มแห่งความตายนี้ยังมีเยอรมนีและโปรตุเกสร่วมอยู่ด้วย​ ความผิดพลาดแม้เพียงปลายนิ้วก้อยก็อาจหมายถึงความหวังที่สูญหายได้เลยทีเดียว

 

ต่อให้เป็นเหล่าทหารเสือที่เก่งกล้าสามารถขนาดไหนก็ไร้ความหมาย

 

หากไม่มีความสามัคคีภายในทีม

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X