ในขณะที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ใหญ่ให้ถึง 70% ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ แต่องค์การยูนิเซฟรวมไปถึงอีกหลายคนมีความเห็นว่าโรคโควิด-19 จะยังคงไม่ยุติลงง่ายๆ ถ้าหากว่ายังมีอีกหลายประเทศที่สถานการณ์โรคระบาดยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต
ยูนิเซฟได้ส่งจดหมายถึงผู้นำกลุ่ม G7 ที่กำลังจะมีการประชุมที่ประเทศอังกฤษเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันให้เหล่าประเทศมหาอำนาจดำเนินการบริจาควัคซีนให้กับประเทศที่สถานการณ์ยังคงเลวร้ายและขาดแคลนโดยมีคนดังมากมายร่วมลงนาม ไม่ว่าจะเป็น บิลลี่ อายลิช, เซเลนา โกเมซ, พิงก์, เคที เพอร์รี, ออร์แลนโด บลูม, เดวิด เบ็คแฮม, เลียม นีสัน, ปริยังกา โจปรา โจนาส, วูปี โกลด์เบิร์ก และยวน แม็กเกรเกอร์
ส่วนหนึ่งจากจดหมายได้กล่าวว่า “โรคระบาดจะไม่จบลงในที่ใดก็ตามจนกว่ามันจะสิ้นสุดลงในทุกๆ ที่ และนั่นหมายความว่าทุกประเทศจะต้องได้รับวัคซีนโดยเร็วและเท่าเทียมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ถึงแม้ว่าหลายประเทศมีความจะตั้งใจที่จะบริจาควัคซีนภายในปีนี้อยู่แล้ว รวมไปถึงยูนิเซฟเองก็มีโครงการ COVAX ที่จะมอบวัคซีนให้กับประเทศที่ขาดแคลน แต่ยูนิเซฟได้ชี้แจงว่าสถานการณ์ในหลายพื้นที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤตและต้องการวัคซีนอย่างเร่งด่วน
“คนทั้งโลกใช้เวลาต่อสู้กับโรคโควิด-19 มาหนึ่งปีครึ่งแล้ว แต่เชื้อไวรัสยังคงแพร่กระจายในหลายประเทศและสร้างตัวแปรเพิ่มขึ้นอีกมากมายที่ทำให้เราต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง นั่นหมายความว่าจะมีโรงเรียนที่ต้องปิดเพิ่มขึ้น การให้บริการทางการแพทย์ต้องหยุดชะงักลง รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กๆ และอีกหลายครัวเรือนในอนาคต”
ยูนิเซฟคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศ G7 จะสามารถบริจาควัคซีน 20% ของพวกเขาได้ภายในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมนี้โดยไม่มีความล่าช้า ซึ่งเท่ากับวัคซีนจำนวนมากกว่า 150 ล้านโดสสำหรับประเทศที่ต้องการ และจะมีวัคซีนสำหรับการบริจาคถึง 1 พันล้านโดสภายในสิ้นปีนี้
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: