M Pictures เปิดตัวโปรเจกต์ใหม่เอาใจคอหนังส่งท้ายปีด้วยภาพยนตร์ 4 เรื่อง 4 สไตล์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีในชื่อ ‘หนังผมไม่เล็กนะครับ’ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่เบื่อหนังบ็อกซ์ออฟฟิศด้วยคุณภาพงานเข้มๆ นอกจากนั้นยังได้ศิลปินและผู้กำกับภาพยนตร์ 4 คนมาเป็นตัวแทนบอกเล่ามุมมองที่แตกต่างของหนังแต่ละเรื่อง
Wind River ล่าเดือด เลือดเย็น (เข้าฉาย 30 พฤศจิกายน)
หนังอาชญากรรมระทึกขวัญ ผลงานกำกับของ เทย์เลอร์ เชอริแดน ที่เคยฝากลายเซ็นฉากฆาตกรรมเดือดๆ ไว้ใน Sicario (2015) และ Hell or High Water (2016) ส่วนคราวนี้เขาเล่าเรื่องของ คอรี (รับบทโดย เจเรมี เรนเนอร์) เจ้าหน้าที่กรมสัตว์ป่าในเขตชนพื้นเมืองอินเดียนแดง กับการสืบสวนคดีฆาตกรรมเด็กสาวชาวอินเดียนแดงที่นอนแข็งตายภายใต้หิมะอย่างมีเงื่อนงำ โดยมี เจน (รับบทโดย อลิซาเบธ โอลเซน) เจ้าหน้าที่ FBI สาวไฟแรงมาร่วมค้นหาปริศนาอันดำมืดที่ย้อนเรื่องราวไปถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกา
โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับหนังแนวอาชญากรรมรุ่นใหญ่ของเมืองไทย บอกมุมมองต่อหนังเรื่องนี้ว่า “ในฐานะผู้กำกับด้วยกัน พูดได้เลยว่าผมรักผลงานของเทย์เลอร์มาก เขาสามารถทำหนังบรรยากาศที่มีแต่ความหนาวเย็นของหิมะให้ระอุขึ้นด้วยการฆาตกรรมที่ซับซ้อน ทั้งๆ ที่เราควรจะหนาว แต่ความบีบคั้นในเรื่องทำให้เหงื่อที่มือไหลออกมาไม่หยุด แถมเขายังสามารถขยายเรื่องราวจากคดีฆาตกรรมเพียงหนึ่งคดี แล้วนำไปสู่การเปิดเผยความลับทางประวัติศาสตร์อันดำมืดที่ชาวอเมริกันเคยทำไว้กับชาวอินเดียนแดงได้อย่างน่าสนใจ
“สิ่งที่ต้องพูดถึงอีกอย่างคือการแสดงของสองนักแสดงจาก The Avengers อย่างเจเรมี เรนเนอร์ ที่เราคุ้นเคยกับเขาในบท ฮอว์กอาย ซึ่งคงไม่มีใครสงสัยว่าเขาทำได้ดีแค่ไหนในฉากแอ็กชัน แต่เรื่องนี้จะทำให้เราเห็นเขาแบบเต็มๆ ในฉากดราม่าเข้มข้นที่เขานำเสนอออกมาได้ดีมากจนแทบจะเรียกว่าแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง
“ส่วนอลิซาเบธ โอลเซน ก็เป็นนักแสดงหญิงอีกคนที่มีคาแรกเตอร์น่าสนใจมากในการรับบทตัวละครที่มีความซับซ้อนทางความคิด ถ้าดูจากใน The Avengers จะเห็นว่าพวกเขาโดนพวกซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่นๆ กลบพอสมควร แต่เรื่องนี้ล่ะที่จะเป็นโชว์ไทม์ของทั้งสองคนจริงๆ”
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Wind River
The Only Living Boy in New York ถ้าเหงาแล้วเรารักกันได้ไหม (เข้าฉาย 30 พฤศจิกายน)
เปลี่ยนอารมณ์ไปที่แนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่ว่าด้วยความรักวุ่นๆ ของ โทมัส เว็บบ์ (รับบทโดย คัลลัม เทอร์เนอร์) ที่กำลังสับสนทั้งในเรื่องหัวใจและเส้นทางของตัวเองหลังจบมหาวิทยาลัย เท่านั้นยังไม่พอ เขาดันไปรู้ความจริงว่า อีธาน เว็บบ์ (รับบทโดย เพียร์ซ บรอสแนน) พ่อแท้ๆ ของตัวเองกำลังกิ๊กกับสาวแซ่บอย่าง โจฮันนา (รับบทโดย เคท เบกคินเซล) และในขณะที่ตามสืบเรื่องอยู่นั้น หนุ่มเจ้ากรรมของเราก็ดันไปหลงเสน่ห์กิ๊กของพ่อตัวเองขึ้นมาอีก ผลงานกำกับโดย มาร์ก เว็บบ์ เจ้าของหนังโรแมนติก-คอเมดี้สุดคลาสสิกอย่าง (500) Days of Summer (2009)
ตัวแทนความรักวุ่นๆ ในครั้งนี้ตกเป็นของหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่าง ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี นักแสดงรุ่นใหม่ที่มักจะได้รับบทความรักที่ซับซ้อนของวัยรุ่นอยู่เสมอ
“ผมเป็นแฟนหนังเรื่อง (500) Days of Summer อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ให้บรรยากาศของความรักที่ค้นหาทางออกได้ยากคล้ายๆ กัน ซึ่งมาร์ก เว็บบ์ เป็นผู้กำกับที่จัดวางซีเควนซ์ของความรักได้แม่นยำมาก
“สิ่งที่ทำให้ผมยิ่งอินกับเรื่องนี้เข้าไปอีกคือปกติผมเป็นคนชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าเราเข้าใจพระเอกในเรื่องได้ง่าย แต่ไม่ถึงขนาดเคยไปแอบชอบกิ๊กของพ่ออะไรแบบนั้นนะครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าอายุเป็นแค่ตัวเลขอย่างที่ใครหลายคนบอกจริงๆ แล้วเวลาความรักมันจะเกิดขึ้น มันไม่เคยเลือกเวลา สถานที่ อายุ หรือว่าอะไรทั้งนั้น เมื่อมันเกิดขึ้นเมื่อไรก็ยากที่จะหยุดได้จริงๆ”
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Only Living Boy in New York
Brad’s Status สเตตัสห่วยของคนชื่อแบรด (เข้าฉาย 7 ธันวาคม)
หนังดราม่า-คอเมดี้ ผลงานกำกับของ ไมค์ ไวต์ ผู้เขียนบท School of Rock (2003) ที่จะพูดถึงวิกฤตวัยกลางคนของกระทาชายนายแบรด (รับบทโดย เบน สติลเลอร์) ผู้ชายแสนธรรมดาที่ได้แต่มองเพื่อนเก่าที่เติบโตมาพร้อมกันประสบความสำเร็จในชีวิต และเพื่อไม่ให้ ทรอย ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน (รับบทโดย ออสติน อับรามส์) ต้องอยู่ในสภาวะเดียวกัน เขาจึงเอาความคาดหวังทุกอย่างวางไว้บนบ่าลูกชาย และพยายามผลักดันทุกวิถีทางเพื่อให้ทรอยได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอย่างฮาวาร์ดให้ได้ โดยที่ไม่เคยถามลูกชายของตัวเองเลยว่าเขาอยาก ‘เป็น’ ในสิ่งที่พ่อต้องการจริงๆ หรือเปล่า
เรื่องนี้ได้คุณพ่อลูกสามอย่าง กาย-รัชชานนท์ สุประกอบ ที่ถึงแม้จะมีความคิดแตกต่างจากแบรดแบบสุดขั้ว เพราะเขาคือคุณพ่อที่ไม่เคยคิดจะคาดหวังหรือบังคับอะไรในตัวลูกๆ แม้แต่นิดเดียว แต่ก็ยังยกให้ Brad’s Status เป็นหนังที่มนุษย์พ่อทุกคนต้องดู เพราะอย่างน้อยแบรดก็ได้ทำให้รู้ว่าบางครั้งความหวังดีก็กลายเป็นแรงกดดันที่ลดทอนความสุขให้คนที่เรารักได้ง่ายๆ
“เรียกว่าผมมีความคิดคนละฝั่งกับแบรดแบบสุดขั้วได้เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าอยากให้ลูกต้องเป็นแบบไหนหรืออยากให้ทำอะไรแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งเรื่องระบบการศึกษาที่ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังเท่านั้นแล้วจะประสบความสำเร็จก็ไม่เคยคิด อย่างเดียวที่ผมคิดคือไม่ว่าลูกผมจะอยากเป็นอะไร ผมจะไม่ห้าม และจะสนับสนุนเขาให้เต็มที่ที่สุด เพราะผมเชื่อว่าการที่คนเราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่างหากที่จะทำให้เข้าใกล้กับคำว่าประสบความสำเร็จได้มากที่สุด
“แต่ถึงจะคิดไม่เหมือนกัน Brad’s Status ก็เป็นหนังที่ดีที่ผู้ปกครองทุกคนควรดูนะครับ เพราะอย่างผมที่คิดไม่เหมือนกันเลย ชีวิตของแบรดก็จะทำให้ผมยิ่งย้ำกับตัวเองได้ว่าเราจะไม่มีทางเป็นพ่อแบบนั้นเด็ดขาด หรือถ้าคนที่กำลังมีความคิดแบบแบรดอยู่ก็จะได้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของลูกที่ถูกบังคับได้มากยิ่งขึ้น”
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Brad’s Status
ปิดท้ายโปรเจกต์ด้วย England is Mine มอร์ริสซีย์ ร้องให้โลกจำ (เข้าฉาย 14 ธันวาคม)
หนังพาคนดูไปทำความรู้จักกับ สตีเวน แพทริก มอร์ริสซีย์ (รับบทโดย แจ็ค โลว์เด็น) เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี แต่ขี้อายและเริ่มหมดหวังกับชีวิต แต่ด้วยพลังแห่งเสียงดนตรีและแรงผลักดันจากคนรอบข้าง ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นได้กลายมาเป็นฟรอนต์แมนของ The Smiths หนึ่งในวงดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอังกฤษในยุค 80s
หนังเกี่ยวกับคนดนตรี จึงต้องได้คนดนตรีตัวจริงอย่าง บอล-ต่อพงศ์ จันทบุบผา (บอล วง Scrubb) มาเป็นตัวแทนบอกเล่าความรู้สึกว่า England is Mine คือหนึ่งในหนังชีวประวัติที่เขาดูแล้วรู้สึกว่ามีพลังมากที่สุดตั้งแต่เคยดูมา
“ชีวิตของมอร์ริสซีย์คือตัวแทนที่บอกให้ทุกคนรู้ว่ากว่าที่นักดนตรีจะประสบความสำเร็จได้ เขาจะต้องต่อสู้ ถูกทุบตี ผ่านความเจ็บปวดมามากขนาดไหน มีหลายฉากที่ดูแล้วนึกถึงตัวเองกว่าที่จะมาถึงตอนนี้ได้ ไม่ได้บอกนะว่าตอนนี้ Scrubb ประสบความสำเร็จแบบนั้นแล้ว แต่ในเรื่องการถูกทุบจนน่วมนี่ผมเข้าใจมากๆ เลย (หัวเราะ)
“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นักดนตรีเท่านั้นที่ดูแล้วจะอิน เพราะว่านอกจากดนตรีที่เป็นเส้นเรื่องหลัก ผมว่าแก่นของเรื่องนี้คือความรักและความตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่างแบบแรงกล้า เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของมอร์ริสซีย์เทียบเท่ากับการต่อสู้ของคนทุกอาชีพได้หมดเลย ขอแค่คุณมีความรักที่จะทำในสิ่งนั้นแบบไม่คิดยอมแพ้ ผมเชื่อว่าจะอินกับเรื่องนี้ได้แน่นอน”
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง England is Mine