วันนี้ (8 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ผอ.ศบค. ได้ให้หลักการในการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ดังนี้
- ทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีน จะต้องไม่มีจังหวัดใดถูกทอดทิ้ง
- จำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรต้องพิจารณาจากจำนวนประชากร อายุ จำนวนผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง อาชีพ และการกำหนดเป็นพื้นที่เฉพาะ พื้นที่ท่องเที่ยว และพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแต่ละจังหวัดที่ได้รับจัดสรรไปจะเป็นผู้กำหนดการกระจายวัคซีนไปตามสถานที่ต่างๆ เอง
- ทุกคนที่จองคิวไว้แล้วจะได้รับการฉีดวัคซีน พยายามยึดวันจองไว้ให้มากที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ ทั้งนี้ต้องขออภัยหากมีพี่น้องประชาชนท่านใดยังไม่ได้รับความสะดวกมากนัก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยจะดำเนินการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ข้อจำกัดสำคัญอีกประการหนึ่งที่เราจำเป็นต้องปรับแก้คือการจัดส่งวัคซีน ซึ่งไม่ได้มาครั้งเดียวทั้งหมดตามสัญญา แต่จะมีการจัดส่งเป็นรอบๆ เราก็จะดำเนินการจัดส่งให้เร็วที่สุด และจะพิจารณาเป็นรายเดือนไปตามที่เรามีวัคซีนจริงๆ อยู่ในมือแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะเกิดข้อจำกัดในการบริหารจัดการอยู่บ้างในระยะแรก
อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามของรัฐบาล เราจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมมาให้ได้มากที่สุด เราไม่ได้รอวัคซีนที่เราทำสัญญาไว้แล้วเท่านั้น ทำให้ตนเชื่อว่าเราจะมีวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆ จนแต่ละจังหวัดสามารถบริหารจัดการวัคซีนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องการให้ประชาชนที่จองแล้วถูกเลื่อนคิวอีก
“สำหรับเป้าหมาย 100 ล้านโดสยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราได้ทำสัญญากับ AstraZeneca ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ แล้ว จำนวน 61 ล้านโดสซึ่งจะทยอยส่งมา มีสัญญากับ Sinovac 6 ล้านโดส และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มอีก 8 ล้านโดส และเราคาดว่าจะสามารถทำสัญญากับ Pfizer และ Johnson & Johnson รวมแล้วประมาณ 25 ล้านโดส และยังมีวัคซีนอีกจำนวนที่ได้รับจากการเจรจาทางความสัมพันธ์ในประเทศต่างๆ และในปีหน้าเราคาดว่าจะมีวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเองอีกด้วย” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ