“ผมได้วางยุทธศาสตร์สำหรับระยะต่อไปของการต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ระหว่างการเปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง เราจะต้องตรวจ (Test) เราจะต้องติดตาม (Trace) เราจะต้องฉีดวัคซีน (Vaccination) และเราจะต้องทำทั้ง 3 ข้อนี้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้น” การตรวจหาเชื้อ การติดตามผู้สัมผัส และการฉีดวัคซีน เป็นมาตรการที่ ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ให้ความสำคัญในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่จากสายพันธุ์อังกฤษและอินเดียในสิงคโปร์ โดยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า
1. “เราต้องตรวจเร็วขึ้น เสรีขึ้น และกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การแยกกักพวกเขาและตีวงผู้สัมผัสได้ก่อนที่ไวรัสจะแพร่ระบาดต่อ” โดยจะมีการนำการตรวจหาเชื้อหลายรูปแบบมาใช้ เช่น ชุดตรวจหาเชื้อรวดเร็ว (Antigen Rapid Test: ART) เมื่อไปตรวจที่คลินิกจะทราบผลภายใน 30 นาที หากผลเป็นบวกจะทำให้แยกกักตัวได้ทันทีระหว่างที่รอผลตรวจยืนยันด้วยวิธี PCR ซึ่งใช้เวลา 1-2 วัน การตรวจลมหายใจ ใช้เวลาเพียง 1 นาทีที่สะพานเชื่อมทางบกกับมาเลเซีย (Causeway) และสนามบิน
การเฝ้าระวังในระบบน้ำเสีย หรือแม้แต่สุนัขดมกลิ่น เร็วๆ นี้ประชาชนจะสามารถซื้อชุดตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง (DIY) ที่ร้านขายยา หากไม่สบายใจว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ หรือทำงานด่านหน้าต้องการตรวจเป็นประจำ การขยายการตรวจหาเชื้อในผู้ที่ไม่มีอาการและในสถานที่ทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะอาชีพที่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก เช่น คนขับรถแท็กซี่/รถประจำทาง พนักงานนวด นักแสดง เทรนเนอร์ฟิตเนส ยิ่งไปกว่านั้นจะมีการตรวจหาเชื้อโดยใช้ ART ก่อนที่จะมีการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น พิธีทางศาสนา การแข่งขันฟุตบอล คอนเสิร์ต หรืองานแต่งงาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่างานนั้นปลอดภัย
2. “เราจะติดตามผู้สัมผัสเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งผู้ติดตามจะสามารถทำงานได้เร็วขึ้น เพราะมีประสบการณ์และทักษะมากขึ้น รวมถึงเครื่องมือที่ดีขึ้น” โดยขณะนี้มี 2 แอปพลิเคชัน ได้แก่ TraceTogether สำหรับการระบุผู้สัมผัสและกักกันอย่างรวดเร็วภายในระดับชั่วโมง (คล้ายแอปฯ หมอชนะ) และ SafeEntry สำหรับการระบุผู้ที่เดินทางเข้ามาในสถานที่เดียวกับผู้ติดเชื้อ และแจ้งให้มารับการตรวจหาเชื้อฟรี (คล้ายแอปฯ ไทยชนะ) นอกจากนี้เมื่อมีผู้ติดเชื้อภายในบ้าน ผู้สัมผัสทั้งหมดจะต้องกักตัวทันทีโดยไม่ต้องรอผลการตรวจหาเชื้อ หากต่อมาผลพบเชื้อก็จะถือว่ารักษาเวลาอันมีค่านี้ได้
และ 3. “เราจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นและเร็วขึ้น เรามีความก้าวหน้ามาตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ อาชีพด่านหน้า และผู้มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้ว” ต่อไปจะเพิ่มความเร็วในการฉีดวัคซีนภายใน 2 เดือน โดยให้ความสำคัญกับการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกก่อน เพราะต้องการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนจำนวนมากโดยเร็วที่สุด ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 40-45 ปีอยู่ แต่ลำดับถัดไปคือนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อให้สามารถเปิดเรียนและเข้าสอบประเมินผลได้ แล้วสุดท้ายถึงจะเป็นผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 39 ปี
“ในวันหนึ่ง การระบาดระดับโลกนี้จะลดลง แต่ผมไม่คาดหวังว่าโควิด-19 จะหายไป มันจะยังคงอยู่กับมนุษยชาติและกลายเป็นโรคประจำถิ่น ไวรัสจะยังวนเวียนอยู่ในประชากรโลกในอีกหลายปีข้างหน้า นี่จึงหมายถึงเราจะยังคงเห็นการระบาดขนาดเล็กต่อไปเรื่อยๆ ในสิงคโปร์ ในภาวะปกติใหม่นี้เราจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส เป้าหมายของเราคือรักษาชุมชนทั้งหมดให้ปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าบางคนจะติดเชื้อนับจากวันนี้และต่อไปเหมือนกับที่เราควบคุมไข้หวัดหรือไข้เลือดออก”
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: