ตลาดหุ้นจีนในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในทิศทางที่ไม่ค่อยดีนัก โดยดัชนี MSCI China ปรับลดลงมาแล้ว 20% นับจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในมุมมองของ Ray Dalio ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater ยังเชื่อว่า จีนยังมีโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าไปลงทุนในขณะนี้
ในมุมของ วิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์ Vice President Market Solution, Private Wealth Management ธนาคารกรุงไทย เชื่อว่า ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะเห็นเงินลงทุนไหลกลับเข้าจีน หลังจากที่ไหลออกไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับโอกาสของการลงทุนระยะยาว ด้วยปัจจัยพื้นฐานและราคาหุ้นระดับนี้ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น 1-2 เดือนข้างหน้า จีนยังมีปัจจัยกดดันจากการที่รัฐบาลจีนยังเข้มงวดกับบริษัทขนาดใหญ่ของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ Meituan ซึ่งหากหุ้นขนาดใหญ่ของจีนถูกกดดัน ก็มีโอกาสที่ภาพรวมตลาดจะแย่ตามไปด้วย เพราะหุ้นขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกของจีน คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 40% ของมูลค่าหุ้นจีนใน MSCI China
“ในระยะนี้ดูเหมือนว่าความเร็วในการเติบโตของจีนจะชะลอลง หลังจากที่ฟื้นตัวได้เร็วก่อนหน้านี้ แต่ในระยะยาวจีนยังโตต่อได้ ประกอบกับความสามารถในการควบคุมนโยบายได้ดีของรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มที่ดี”
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าโครงสร้างของตลาดหุ้นจีนที่ผ่านมาเริ่มมีสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก ในส่วนนี้จะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนลดลงได้บ้าง และตลาดจะมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกระยะยาว
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ส่วนตัวยังมองว่าธุรกิจที่เป็น New Economy ยังมีโอกาสเติบโตดีในระยะยาว จึงแนะนำหาจังหวะลงทุนในกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งกำไรยังมีโอกาสเติบโตดี แม้ว่าในระยะสั้นอาจมีแรงกดดันเข้ามาบ้าง
ในมุมของความเสี่ยงที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา นักเศรษฐศาสตร์ของ ANZ เตือนว่า จีนกำลังเผชิญกับความเสี่ยง ‘สังคมผู้สูงอายุ’ ซึ่งอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยตัวเลขการเพิ่มขึ้นของประชากรในแผ่นดินใหญ่ ขยับขึ้นมาเป็น 1.41 พันล้านคน ณ เดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งที่น้อยที่สุดนับแต่ทศวรรษที่ 50 ขณะที่ตัวเลขการเกิดเมื่อปีก่อนลดลง 15% ถือเป็นการลดลงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
“แนวโน้มสังคมผู้สูงอายุจะเพิ่มมากขึ้นในจีน อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในจีน แต่กระทบไปทั่วโลก ในไม่กี่ปีข้างหน้าจีนจะสูญเสียแรงงาน 70 ล้านคน ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงฉับพลันต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก”
นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินเช่นกัน ในฐานะที่จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการออมเงินมากที่สุดประเทศหนึ่ง และคนจีนส่วนมากจะนำเงินบางส่วนมาลงทุน
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า จีนยังมีโอกาสที่ดีจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วหลังวิกฤตโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดหุ้นจีนยังไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก ซึ่งเกิดจากแรงกดดันในหลายปัจจัย เช่น ข้อพิพาทกับสหรัฐฯ การถูกคว่ำบาตรสำหรับบางธุรกิจ หรือการปรับนโยบายต่างๆ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันเหล่านี้อยู่ในทิศทางที่ค่อยๆ ดีขึ้น ขณะเดียวกันจีนยังมีจุดเด่นเพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายจากที่จะเป็นผู้บริโภค ‘ชิป’ กลายมาเป็นผู้ผลิต ‘ชิป’ ซึ่งจะทำให้จีนกลายมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไต้หวันและเกาหลีใต้ในอนาคต
“ในระยะยาวจีนเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ ด้วยฐานกำลังซื้อที่สูงอยู่แล้ว และโอกาสในการขยับมาเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยี ปัจจุบันเรา Overweight หุ้นจีน โดยแนะนำให้นักลงทุนเข้าสะสมได้ สำหรับกองทุนที่น่าสนใจเข้าลงทุน ได้แก่ TMBCOF และ SCBCHA”
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร