แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทำเนียบขาวในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ออกโรงเรียกร้องให้อินเดียบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่เข้าขั้นวิกฤตอยู่ในขณะนี้
“คุณต้องชัตดาวน์ ผมเชื่อว่าหลายรัฐของอินเดียได้ทำเช่นนั้นแล้ว แต่คุณต้องทำลายห่วงโซ่การแพร่เชื้อ และวิธีหนึ่งในการทำเช่นนั้นก็คือการชัตดาวน์” เฟาชีกล่าวกับรายการ This Week ของสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะที่ในการให้สัมภาษณ์กับ CNN News18 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เฟาชีกล่าวว่า อินเดียจำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อให้หลุดพ้นจากวิถีของการระบาด
“ผมไม่ได้หมายความว่าต้องชัตดาวน์เป็นเวลา 6 เดือน” เขากล่าว “คุณเพียงแค่ต้องทำลายห่วงโซ่การแพร่เชื้อ และเราสามารถทำได้โดยการชัตดาวน์อาจจะ 2, 3 สัปดาห์ หรือ 4 สัปดาห์ จากนั้นทันทีที่จำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลงและคุณฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากขึ้น คุณก็สามารถหลุดพ้นจากวิถีของการระบาดได้”
ข้อเรียกร้องของหมอใหญ่ทำเนียบขาวมีขึ้นในช่วงที่อินเดียกำลังเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดที่หนักหน่วงรุนแรงที่สุดในโลก จนส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของอินเดียถึงขั้นล่มสลาย หลายรัฐขาดแคลนเตียง ออกซิเจน และบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยโควิด-19 บางรายเสียชีวิตในห้องรอก่อนที่จะได้พบแพทย์ด้วยซ้ำ
โดยสมาคมการแพทย์อินเดีย (IMA) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ในช่วง 20 วันที่ผ่านมา ทางสมาคมได้เรียกร้องให้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศโดยสมบูรณ์ในแบบที่มีการวางแผนไว้อย่างดีและมีการประกาศล่วงหน้า พร้อมระบุว่า การล็อกดาวน์ต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของประเทศมีเวลาในการฟื้นคืนและเติมเต็มทั้งวัสดุและกำลังคน
IMA กล่าวว่า การบังคับกฎเคอร์ฟิวในช่วงกลางคืนเป็นระยะๆ และข้อจำกัดอื่นๆ ที่หลายรัฐบังคับใช้นั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นให้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ในขณะที่อินเดียกำลังต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เลวร้ายที่สุดในโลก
โดยในวันจันทร์ กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานผู้ป่วยรายใหม่ 366,161 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผู้ป่วยใหม่รายวันลดลงต่ำกว่า 400,000 ราย โดยขณะนี้อินเดียมียอดติดเชื้อสะสมประเทศอยู่ที่กว่า 22 ล้านราย
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 3,754 รายในวันจันทร์ หลังจากรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 รายติดต่อกันมา 2 วันก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ขณะนี้อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 246,116 ราย ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยสถาบันการวัดและประเมินสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันประมาณการว่า ภายในเดือนสิงหาคมอินเดียอาจมีผู้เสียชีวิตถึง 1 ล้านคน
ทั้งนี้ แม้รัฐและดินแดนสหภาพของอินเดียมากกว่าครึ่งหนึ่งได้ประกาศล็อกดาวน์เพื่อรับมือกับการระบาดระลอกที่ 2 แล้ว แต่ก็มีข้อเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ให้อินเดียล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2
โดยในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว อินเดียเคยบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ใหญ่ที่สุด และว่ากันว่าโหดที่สุดในโลก ทั้งที่ในเวลานั้นอินเดียรายงานผู้ติดเชื้อเพียงประมาณ 500 ราย และผู้เสียชีวิต 10 ราย
ในครั้งนั้นโมดีประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่ถึง 4 ชั่วโมง และแทบไม่มีการวางแผน ทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพ นอกจากนี้ยังทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศแทบจะหยุดนิ่ง เนื่องด้วยธุรกิจโรงงานและไซต์งานก่อสร้างต่างๆ ต้องหยุดดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม ในการระบาดระลอก 2 นี้ โมดีระบุว่า การล็อกดาวน์จะเป็นทางเลือกสุดท้าย “ผมจะขอให้รัฐต่างๆ ใช้การล็อกดาวน์เป็นทางเลือกสุดท้าย เราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์และเน้นไปที่การใช้เขตควบคุมขนาดเล็กเท่านั้น” เขากล่าวเมื่อปลายเดือนเมษายน
จากข้อมูลที่ CNN รวบรวมมาจากรัฐบาลของรัฐต่างๆ ของอินเดีย พบว่า ปัจจุบันมีอย่างน้อย 24 จาก 36 รัฐและดินแดนสหภาพของอินเดียที่อยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ นอกจากนี้หน่วยงานระดับภูมิภาคหลายแห่งได้นำข้อจำกัดต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการขยายหรือเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐคุชราตทางตะวันตกและรัฐทางตอนเหนืออย่างอุตตรประเทศ ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในอินเดีย และรัฐอุตตราขัณฑ์ ได้บังคับใช้หรือขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์
รัฐบาลอุตตรประเทศประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก 7 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม โดยอนุญาตให้เปิดเฉพาะบริการที่จำเป็นเท่านั้น “เฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ การฉีดวัคซีน กิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ให้บริการที่จำเป็นเท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาต” แถลงการณ์ระบุ
ด้านรัฐบาลของรัฐคุชราตระบุว่า จะขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ทั้ง 36 เมืองในรัฐคุชราตออกไปจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม
ส่วนรัฐอุตตราขัณฑ์เริ่มล็อกดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม หลังจากที่พบการติดเชื้อในรัฐเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน อันเนื่องมาจากการจัดพิธีกุมภเมลา ซึ่งเป็นเทศกาลของชาวฮินดูที่มีผู้แสวงบุญหลายล้านคนจากทั่วประเทศมารวมตัวกันที่ริมฝั่งแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ดินแดนสหภาพของเดลี ซึ่งรวมถึงนิวเดลี เมืองหลวง ประกาศขยายระยะเวลาล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 3 จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม
อาร์วินด์ เกจริวัล มุขมนตรีของเดลี กล่าวว่า การล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดจะ ‘เข้มงวดขึ้น’ โดยร้านค้าและบริการที่ไม่จำเป็นต้องปิดให้บริการ แม้แต่บริการรถไฟใต้ดินก็ต้องหยุดวิ่งเช่นกัน
ในขณะเดียวกันกรมสารนิเทศและประชาสัมพันธ์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จัมมูและแคชเมียร์ ซึ่งเป็นดินแดนสหภาพทางตอนเหนือสุดของอินเดีย ประกาศใช้โคโรนาเคอร์ฟิว (Corona Curfew) จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคมในทุกเขต
ภาพ: Amr Alfiky-Pool / Getty Images
อ้างอิง: