แม้ในหลายๆ ประเทศ เทคโนโลยี ‘รถยนต์ไร้คนขับ’ (Autonomous car) จะยังไม่ได้รับการยอมรับ สืบเนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยและสถิติอุบัติเหตุที่ยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ แต่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีหลายๆ รายต่างก็ไม่นิ่งนอนใจ และหาวิธีปรับปรุงให้เทคโนโลยีดังกล่าวเกิดความเสถียรและปลอดภัยที่สุด
ไม่ต่างจาก Uber ผู้ให้บริการร่วมเดินทางจากสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดได้ออร์เดอร์รถยนต์ SUV รุ่น XC90 จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์ Volvo จำนวนกว่า 24,000 คันเพื่อนำมาใช้ในโปรเจกต์บริการรถไร้คนขับร่วมเดินทาง
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่า Uber และ Volvo ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการทำสัญญาซื้อรถยนต์ XC90 จำนวน 24,000 คัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คันละ 46,900 เหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 37,000 ล้านบาท โดยทาง Volvo จะเริ่มทยอยจัดส่งรถตั้งแต่ช่วงปี 2019-2021
แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงมูลค่าของสัญญาการซื้อขายในครั้งนี้ออกมาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากทั้ง Uber และ Volvo ต่างก็พึ่งพาการพัฒนาเทคโนโลยีซึ่งกันและกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และถึงแม้รถรุ่นดังกล่าวจะไม่ได้มีเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับติดตั้งมาให้จากสายพานการผลิต แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ Uber ได้เตรียมติดตั้งเซนเซอร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการพลิกโฉมรถยนต์ธรรมดาสู่รถยนต์ไร้คนขับเรียบร้อยแล้ว!
โดยกระบวนการหลังการส่งมอบรถยนต์และติดตั้งเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับคือการที่ Uber จะนำ XC90 ทุกคันมาทดสอบวิ่งในเมืองจำลองที่ตั้งอยู่ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อศึกษาหาข้อมูลและทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวให้เกิดความเสถียรและปลอดภัยสำหรับมนุษย์มากที่สุด
เจฟฟ์ มิลเลอร์ หัวหน้าแผนกพันธมิตรด้านรถยนต์ของ Uber ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “ข้อตกลงนี้จะช่วยผลักดันพวกเราไปสู่เส้นทางการผลิตรถยนต์ไร้คนขับในจำนวนมหาศาล และยิ่งมีผู้คนทำงานเพื่อแก้ปัญหามากเท่าไร พวกเราก็จะไปได้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น พร้อมๆ กับระบบที่น่าเชื่อถือขึ้นได้มากเท่านั้น”
อ้างอิง: