น้าค่อม ชวนชื่น หรือ อาคม ปรีดากุล เสียชีวิตเมื่อเช้าที่ผ่านมา (30 เมษายน) หลังจากติดโรคโควิด-19 และเข้ารักษาตัวอยู่ 19 วัน ปิดตำนาน ‘ไอ้สัส!’ คำพูดติดปากที่เป็นดั่งลายเซ็นประจำตัวของตลกวัย 63 ปีคนนี้ลง และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่น้าค่อมฝากไว้ให้กับแฟนๆ ชาวไทยที่ติดตามน้ามาตลอด แต่น้าค่อมคือบุคลากรตลกที่มีความสำคัญกับวงการบันเทิงไทยที่สุดคนหนึ่ง ทั้งการเล่นมุกอันเป็นเอกลักษณ์ และการเป็นที่รักของคนที่ร่วมงานด้วยเสมอ
ค่อม ชวนชื่น หรือ อาคม ปรีดากุล พื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อและคุณแม่ที่ทำงานในโรงลิเก และเขาเองต้องเดินตามเส้นทางชีวิตแบบเดียวกันตั้งแต่ยังเด็ก เขารับบทเป็นตัวโจ๊กในคณะลิเก ตีกลองตะโพนประกอบจังหวะ ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่เขาฝึกฝนและทำเป็นอาชีพโดยแท้จริง หลังจากนั้นน้าค่อมและเพื่อนสนิทของเขาที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อายุ 12-13 ปีอย่าง น้าโน้ต เชิญยิ้ม (บำเรอ ผ่องอินทรกุล) จึงเริ่มเดินทางเข้ามากรุงเทพมหานครเพื่อเล่นตลก และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในช่วงหนึ่งของชีวิต
โน้ต เชิญยิ้ม หรือ ‘พี่เรอ’ ของน้าค่อมคือบุคคลที่ร่วมต้นเดินทางสายตลกมาพร้อมๆ กัน ซึ่งโน้ตเคยเล่าว่าสมัยก่อนเขาทั้งคู่นั้นลำบากมาก ต้องเอาไม้ประกอบฉากลิเกมาทำเป็นที่อยู่อาศัย และมีกางเกงที่สั่งตัดจากร้านแถวศรีย่านไว้ใส่ออกไปข้างนอกแค่ตัวเดียว แบบที่ถ้าสมมติน้าค่อมจะออกไปข้างนอก น้าโน้ตก็ต้องใส่ผ้าขาวม้าอยู่ห้อง สลับกันไปมาแบบนี้
“วันไหนถ้ามีสตางค์หน่อยก็จะออกไปซื้อราดหน้า แล้วใส่ข้าวขูดก้นหม้อของวิกลิเก ผลัดกันปรุงคนละวัน” โน้ต เชิญยิ้ม เคยเล่าถึงเรื่องในอดีตของเขา และรุ่นน้องคนสนิทไว้ในรายการ บริษัทฮา(ไม่)จำกัด ที่ทำให้เราได้เห็นจุดเริ่มต้นและเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมาของน้าค่อม หลังจากตระเวนโชว์อยู่กับวิกลิเก น้าค่อมก็เดินทางเข้าสู่การเป็นตลกอาชีพ เคยใช้ชีวิตอยู่ในคณะตลกแถวหน้าของเมืองไทยมาแล้วมากมาย ตั้งแต่ทำงานร่วมกับ ‘คณะเชิญยิ้ม’ กับ โน้ต เชิญยิ้ม ก่อนจะแยกกันเนื่องจากวิธีการแสดงที่ไม่เข้ากัน ก่อนที่น้าค่อมจะเริ่มต้นก้าวใหม่ของชีวิตกับการแสดงตลกกับ ‘คณะชวนชื่น’ จากคำเชิญชวนของ จิ้ม ชวนชื่น
อีกชื่อหนึ่งของน้าค่อมที่หลายๆ คนเรียกสมัยที่ยังเดินสายเล่นตลกคาเฟ่อยู่คือ ‘น้าเหยิน’ ซึ่งมาจากรูปลักษณ์ของเขานั่นเอง และด้วยความที่เขาต้องออกจากการเรียนตั้งแต่สมัยประถมศึกษา ติดตามพ่อแม่ไปเล่นลิเก น้าค่อมจึงแทบไม่รู้หนังสือเลย และใช้วิธีการจำบทแทน คล้ายกับราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่อ่านหนังสือไม่ออกเช่นกัน และใช้วิธีการจำเนื้อ ซึ่งน้าค่อมสามารถจำบทต่างๆ ได้อย่างแม่นยำเสมอ
น้าค่อม ชวนชื่น เริ่มเดินทางเข้าสู่วงการบันเทิงไทยอย่างเต็มตัวจากการแสดงภาพยนตร์เรื่อง กลิ่นสีและทีแปรง ในปี 2539 ในบท ใบ แต่ช่วงเวลาที่น่าจดจำจริงๆ และเริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับเขาในวงการบันเทิงไทย เราคงต้องย้อนกลับไปในปี 2545 กับบท จุก เบี้ยวสกุล ในภาพยนตร์เรื่อง 7 ประจัญบาน ของ เฉลิม วงศ์พิมพ์ ที่น้าค่อม ชวนชื่น ได้รับโอกาสเป็น 1 ใน 7 นักแสดงนำของเรื่องนี้เคียงข้างนักแสดงชั้นนำในเวลานั้นหลายคน
น้าค่อมมีผลงานภาพยนตร์และละครรวมกันมากกว่า 70 เรื่องตลอดระยะการทำงาน และฝากผลงานที่น่าจดจำไว้มากมาย โดยเฉพาะเซ็ตภาพยนตร์ที่เขาร่วมแสดงกับหนังตระกูลของ ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ทั้ง พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า (2548) และ แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า (2549) ที่สร้างเคมีใหม่ทางการแสดงให้กับน้าค่อม กลายเป็นผลงานขึ้นหิ้งที่แฟนๆ ชื่นชอบ และเป็นจุดเริ่มต้นที่หลายๆ คนจำได้กับคีย์เวิร์ดการด่า ‘ไอ้สัส!’ ที่ถ้าหากเขาด่า แฟนๆ ก็จะไม่รู้สึกโกรธ ถึงขนาดที่ ตูน บอดี้สแลม ยังเอ่ยปากว่าอยากโดนน้าค่อมด่าสักครั้งในชีวิต ขณะไปร่วมรายการ ตลาดใจ String Combo ของ โน้ต-อุดม แต้พานิช
นอกจากนั้นยังมีงานแสดงอีกหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งเป็นงานที่น้าค่อมไม่เคยได้ลองทำ เช่น ในภาพยนตร์เรื่อง Die Tomorrow (2560) ของผู้กำกับ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ กับบทนักดนตรีอาวุโสที่เรียบง่ายและไม่มีซีนตลกเลย หรืออย่างใน คุณนายโฮ (2555) กับบทผู้กองบูรพา พ่ออดีตทหารที่เป็นโฮโมโฟเบีย ที่ร่วมจอกับนักแสดงแถวหน้าของประเทศอย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต หรือแม้แต่บทคนตาบอด ในเรื่อง น้ำ ผีนองสยองขวัญ (2553) ก็เป็นที่จดจำและสร้างเสียงหัวเราะที่แตกต่างได้อย่างมาก
น้าค่อม ชวนชื่น ในหลายปีให้หลังที่ผ่านมา เขาเติบโตและสร้างเสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้ชมอยู่เสมอ โดยเฉพาะการปรากฏตัวของเขากับทีมบริษัทฮาไม่จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ แจ๊ส ชวนชื่น, ตั๊ก บริบูรณ์, บอล เชิญยิ้ม และนุ้ย เชิญยิ้ม กลายเป็นรสชาติใหม่ของวงการบันเทิงไทยที่สร้างรายการตลกที่โดดเด่นทั้งเรื่องราว และการอิมโพรไวส์แบบที่คาดเดาไม่ได้
ตลอดระยะเวลากว่าค่อนชีวิตของน้าค่อม เขาเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้โดยแท้จริง วัดได้จากแฟนๆ ที่พร้อมสนับสนุนผลงานของเขาเสมอมา หรือการที่เขาได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมงานเสมอ เป็นบุคลากรที่น่าเคารพ และมักจะถูกรับเลือกให้เล่นในหลายๆ งานแสดง น้าค่อมเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร a day ไว้ถึงแนวคิดและวิธีการทำงานของเขา ซึ่งตัวน้าค่อมเองก็เอ่ยปากว่า เขาไม่ชอบการให้สัมภาษณ์กับใครเท่าไร เพราะเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะต้องหาเหตุผลมาตอบ หรือเรียบเรียงคำตอบ
“เราไปเอาเงินเขา เราต้องตรงต่อเวลา ตรงต่อหน้าที่ สิ่งเหล่านี้คือดีที่สุด การเป็นนักแสดงถึงคุณไม่ได้เล่นดีมาก แต่ถ้าทำเวลาได้ดีเขาก็ยังจ้างคุณ เวลาในวงการนี้คือเรื่องสำคัญมาก”
น้าค่อม ชวนชื่น จากไปอย่างสงบด้วยโรคโควิด-19 นับเป็นบุคลากรของวงการบันเทิงคนแรกๆ ที่ต้องจากไปในสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่จากคลัสเตอร์ทองหล่อ ที่ภาครัฐยังไม่สามารถควบคุมได้ ฝากไว้เพียงผลงานจำนวนมากที่น่าจดจำในฐานะตลกผู้มีคำด่าเป็นอาวุธ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับแฟนๆ มาอย่างยาวนาน และคงถึงเวลาที่น้าค่อมจะต้องกล่าวลาแฟนๆ เพื่อไปพักผ่อนอย่างสบายตัว และเราเชื่อว่าแฟนๆ จะเก็บน้าค่อมไว้ในหัวใจตลอดไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: