อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยต่อ New York Times เมื่อวานนี้ (25 เมษายน) ว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสแล้ว อาจจะสามารถเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ EU ได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ระบุช่วงเวลาที่แน่ชัด
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นการยุติมาตรการ ห้ามนักเดินทางจากสหรัฐฯ เดินทางเข้าสู่ EU หากไม่มีความจำเป็นที่บังคับใช้มากว่า 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
ท่าทีของ EU มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ มีความก้าวหน้าอย่างมากในการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ขณะที่การหารือของทั้งสองฝ่ายเรื่องการพิสูจน์ภูมิคุ้มกันของนักเดินทางที่ผ่านการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าด้วยดี ทำให้มีการเสนอเปลี่ยนแปลงนโยบายจำกัดนักเดินทางเข้าสู่ EU
“เท่าที่ฉันเห็น ชาวอเมริกันใช้วัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้การเคลื่อนย้ายและเดินทางไปยังสหภาพยุโรปสามารถทำได้อย่างอิสระ” ฟอน แดร์ เลเยน กล่าวในการให้สัมภาษณ์ แต่ย้ำว่าการยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ด้วย
“สถานการณ์ในสหรัฐฯ กำลังดีขึ้นอย่างมีความหวัง เช่นเดียวกับสหภาพยุโรปที่กำลังดีขึ้น” เธอกล่าว
ทั้งนี้แม้ EU จะเสนอให้ยกเลิกการแบนนักเดินทางจากสหรัฐฯ แต่ชาติสมาชิก EU จะยังสามารถบังคับใช้มาตรการจำกัดนักเดินทางเข้าประเทศต่อไปได้ ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการกักตัวก่อนเข้าประเทศ
ขณะที่ปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลวัคซีนของ EU อนุญาตให้มีการใช้งานวัคซีน 3 ตัว จากสหรัฐฯ ได้แก่ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson
จากข้อมูลของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาด (CDC) ของสหรัฐฯ พบว่ามีประชากรอเมริกันราว 28.5% หรือมากกว่า 94 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ในขณะที่ประชากรอีกราว 42.2% หรือเกือบ 140 ล้านคน เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก และมีชาวอเมริกันอีกราว 5 ล้านคนที่พลาดการฉีดโดสที่ 2 ซึ่งนักระบาดวิทยาแนะนำประชาชนให้ฉีดวัคซีนครบโดส เนื่องจากสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานกว่า
ภาพ: Thierry Monasse / Pool / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: