สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างการเปิดเผยของทางเครดิตสวิส ที่เปิดเผยว่าจะใช้เงิน 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการยกระดับปรับปรุงพัฒนาองค์กร รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำในแผนกธนาคารเพื่อการลงทุนและความเสี่ยง โดยเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ทางธนาคารได้มาจากการบรรลุข้อตกลงกับทาง Archegos Capital Management
โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวหมายรวมถึงการปรับเปลี่ยนผู้บริหารและคณะกรรมการบริหารของเครดิตสวิส ซึ่งว่าที่ประธานของธนาคารเครดิตสวิสคือ António Horta-Osório ซึ่งปัจจุบันกำลังดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Lloyds Bank
รายงานข่าวระบุด้วยว่า Christian Meissner ซึ่งดูแลด้านวาณิชธนกิจที่ Bank of America ก่อนที่จะเข้าร่วม Credit Suisse เมื่อปีที่แล้วจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าธนาคารเพื่อการลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ด้าน Joachim Oechslin จะกลับมาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ความเสี่ยง ในขณะที่ Thomas Grotzer จะกลายเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายสากลชั่วคราว
รายงานระบุว่า ทางเครดิตสวิสมีแนวโน้มจะขาดทุนในไตรมาสแรกสูงถึง 900 ล้านฟรังก์สวิส จากกรณีของ Archegos ซึ่งขณะนี้ทางเครดิตสวิสได้จัดตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้นับตั้งแต่เกิดกรณีอื้อฉาวของ Archegos หุ้นของ Credit Suisse ได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 10% ก่อนที่ช่วงไม่กี่วันจะขยับเพิ่มขึ้น 1.26% โดยธนาคารกล่าวว่า การขาดทุนของ Archegos ส่งผลต่อการเริ่มต้นอย่าง ‘แข็งแกร่ง’ ในปีนี้ของธนาคารเพื่อการลงทุนและหน่วยบริหารความมั่งคั่ง
ในขณะที่ทางเครดิตสวิสเร่งดำเนินการเพื่อลดทอนผลกระทบจากการขาดทุนกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐในกรณีของ Archegos ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ได้เปิดเผยรายงานอ้างแหล่งข่าวนิรนามรายหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยว่า ในคืนก่อนที่จะมีข่าว Archegos Capital ทาง Morgan Stanley ได้ขายหุ้นประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เกี่ยวข้องกับ Archegos ได้ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้ Morgan Stanley สถาบันการเงินที่มีตราสารทุนและผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถรอดพ้นจากภาวะขาดทุนครั้งใหญ่ที่หลายธนาคารอย่างเครดิตสวิสและโนมูระต้องเผชิญ
อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามจึงจรรยาบรรณและความโปร่งใส เพราะความเคลื่อนไหวดังกล่าวหมายความว่าทาง Morgan Stanley ขายหุ้นโดยจงใจปกปิดข้อมูลภายในที่ตนรู้กับทางผู้ซื้อและตลาด
อ้างอิง: