ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ปิดที่ 324 บาท ปรับตัวขึ้น 34 บาท หรือ 11.7% จากวันก่อนหน้า พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสามเท่า จากค่าเฉลี่ย 5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้การพุ่งขึ้นของ DELTA ในวันนี้ถือเป็นหุ้นที่ช่วยหนุนดัชนี SET มากที่สุดถึง 3.7 จุด
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้น DELTA เคยพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 800 บาท หลังจากนั้นราคาไหลลงต่อเนื่องจนมาแตะจุดต่ำสุดที่ 287 บาท ลดลงมากว่า 64%
ล่าสุดในมุมมองของนักวิเคราะห์จากสองบริษัทหลักทรัพย์คือ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี และ บล.เคจีไอ ต่างให้คำแนะนำที่แตกต่างกันไปคนละทิศ
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 368 บาท โดยคาดว่า DELTA จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนใน EV ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 1.74 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงแผนลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก IDC ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยข้อมูลตลาดระบุว่า การใช้ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% ต่อปี จาก 45 Zettabytes ในปี 2562 เป็น 175 Zettabytes ในปี 2568
ด้าน บล.เคจีไอ แนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 215 บาท โดยให้เหตุผลว่า ราคาเป้าหมายดังกล่าวถูกปรับขึ้นจากเดิมที่ 200 บาท โดยอิงจาก P/E 28 เท่า เท่ากับ P/E ของหุ้น Delta Taiwan และถึงแม้จะประเมินอัตราการเติบโตของยอดขายเอาไว้ในช่วงสูงตามเป้าของบริษัท และประเมินมูลค่าหุ้นโดยให้พรีเมียมแล้ว แต่ราคาปิดล่าสุด (31 มีนาคม) ก็ยังมีดาวน์ไซด์อีกถึง 26% ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ ‘ขาย’
ทั้งนี้คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ DELTA ในไตรมาส 1 ปีนี้จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 152% จากปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจะมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ในตลาดโลก ซึ่งทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น ส่วนกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นผลจากยอดขายลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอจากโครงสร้างยอดขายและค่าเงินบาท ขณะที่สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากโครงสร้างยอดขายไม่ดีเท่าเดิม
ส่วนภาพรวมทั้งปีนี้และปี 2565 เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีก 5-6% เพื่อสะท้อนถึงประมาณการยอดขายปี 2564-2565 ที่เพิ่มขึ้น 6% และ 7% ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ยอดขายของ DELTA ในปี 2564-2565 เติบโตปีละ 15% สอดคล้องกับเป้าของบริษัท ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ DELTA จะโต 14% ในปีนี้และ 22% ในปี 2565