อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (บอนด์ยีลด์ไทย) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยในส่วนของบอนด์ยีลด์ไทยอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 2.05% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 หรือสูงสุดในรอบ 2 ปี 8 เดือน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า บอนด์ยีลด์ไทยอายุ 10 ปี ยังมีโอกาสทรงตัวอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่องเหนือระดับ 2.00% ในช่วงที่เหลือของปี 2564 และอาจทยอยขยับสูงขึ้นอีกในปีหน้า ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ไทยในจังหวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่ อาจมีผลกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นับเป็นเม็ดเงินที่ทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 9,050-10,800 ล้านบาท
สำหรับในส่วนของภาครัฐนั้นประเมินว่า ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการช่องทางการระดมทุน โดยภาระดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักต่อฐานะและเสถียรภาพด้านการคลัง เพราะยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับกรอบวงเงินงบประมาณโดยรวม
ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชนนั้น ภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นสำหรับบริษัทแต่ละรายมีความแตกต่างกันตามอันดับเครดิต สถานะทางการเงิน และความสามารถในการพลิกฟื้นรายได้ของแต่ละกิจการ ซึ่งหากสถานการณ์ของบริษัทกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจภาพรวมก็น่าจะสามารถรับมือกับแรงกดดันจากภาระในส่วนนี้ไปได้
แต่สำหรับผู้ออกหุ้นกู้บางบริษัทคงต้องยอมรับว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ น่าจะยังเป็นข้อจำกัดในการฟื้นฟูกระแสรายได้ของกิจการ รวมถึงเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับการบริหารต้นทุนทางการเงิน และการมองหาทางเลือกการระดมทุนอื่นๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องในระยะนี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล