เหล่าแฟนคลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Tesla น่าจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง หลังจากเมื่อคืนนี้ (9 มีนาคม) ดัชนี Nasdaq Composite รีบาวด์ขึ้นมาได้ถึง 3.69% มาอยู่ที่ 13,073 จุด เป็นระดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
สำหรับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดก็คือหุ้น Tesla ที่พุ่งขึ้น 19.6% หลังจากปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ซึ่งการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ยังเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบหนึ่งวัน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนหุ้นของ Apple และ Facebook พุ่งขึ้นมากกว่า 4% ขณะที่หุ้นของ Microsoft และ Netflix เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2.5%และ Amazon เพิ่มขึ้น 3.8%
นอกจากนี้ความหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐยังส่งผลให้ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.4% มาอยู่ที่ 3,878.44 จุด ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.1% มาอยู่ที่ 31,832.74 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของดัชนี Nasdaq มีขึ้นในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.563% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 2.279% ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งทะลุระดับ 1.6% เมื่อวานนี้ หลังจากที่อยู่ต่ำกว่า 1% ในช่วงต้นปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่าปัจจัยที่หนุนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มาจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ เพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวขึ้นหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 บวกกับการที่สหรัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมอย่างบิตคอยน์ โดยมีรายงานว่าราคาบิตคอยน์พุ่งจนหนุนมูลค่าตลาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี
รายงานระบุว่าเมื่อวานนี้ (9 มีนาคม) ราคาบิตคอยน์ในการซื้อขายช่วงสายตามเวลาสิงคโปร์ ขยายตัวพุ่งสูงสุดในรอบวันที่ 54,029.85 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 11.35 น. ตามเวลาสิงคโปร์ สูงกว่าเวลาเดียวกันของวานนี้ (8 มีนาคม) ราว 7% ก่อนราคาปรับตัวลงมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดบิตคอยน์ทะยานขึ้นเหนือ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่มูลค่าบิตคอยน์สูงเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นราคาของบิตคอยน์ทรงตัวในระดับดังกล่าว 2-3 วัน ก่อนปรับตัวลดลง
ขณะเดียวกัน บ๊อบ ชาเปก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Disney เปิดเผยความสำเร็จของ Disney+ บริการสตรีมมิงที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 16 เดือนที่แล้วว่ามียอดสมาชิกผู้ติดตามจากทั่วโลกทะลุ 100 ล้านคนแล้ว ก่อนคาดการณ์ว่าแพลตฟอร์ม Disney+ จะมียอดสมาชิกผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 260 ล้านคนภายในปี 2024
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ทาง Disney ตั้งเป้าที่จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาคอนเทนต์ความบันเทิงคุณภาพสูงสำหรับเด็กและครอบครัวต่อไป โดยมีแผนที่จะสร้างภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศทาง Disney+ โดยเฉพาะเกือบ 100 เรื่อง ในจำนวนนี้หลายสิบเรื่องเป็นซีรีส์เอาใจสาวกแฟนคลับฮีโร่ค่าย Marvel และ Star Wars
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: