หากเอ่ยชื่อของ เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต หลายคนอาจจะทำหน้าฉงน แต่หากบอกว่า ‘เปเล’ คงไม่มีใครที่รักเกมฟุตบอลที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน
เพราะนี่คือนักฟุตบอลผู้ได้รับการขนานนามว่า ‘ราชาของโลกฟุตบอล’ ตำนานมีลมหายใจที่ครองความเป็นหนึ่งตลอดกาลมาอย่างยาวนาน เป็นนักฟุตบอลคนเดียวในโลกที่ครองแชมป์ฟุตบอลโลกถึง 3 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติผู้ที่ทำประตูในเกมฟุตบอลมากที่สุดในโลก 1,279 ประตู จากการลงสนาม 1,363 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ได้รับการจดบันทึกไว้โดยกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์
แต่หากถามว่ามีใครเคยได้เห็นเปเลลงเล่นจริงๆ จังๆ ไหม? ปัจจุบันคงเหลือน้อยคนนักที่จะเคยได้ดู เหตุผลเพราะในยุคสมัยของราชาลูกหนังผู้นี้ การถ่ายทอดฟุตบอลยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยการถ่ายทอดสดฟุตบอลแบบจริงจังบนโทรทัศน์สีเพิ่งจะเริ่มต้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเปเลกับทีมชาติบราซิลชุดที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาล
ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถสืบค้นหลักฐานวิดีโอการเล่นของเปเลจึงมีไม่มากนักบนโลกออนไลน์ และไม่แปลกหากจะมีใครที่เคลือบแคลงสงสัยว่าตกลงแล้วเขาคือสุดยอดนักเตะที่อยู่เหนือโคตรบอลอย่าง ดิเอโก มาราโดนา, ลิโอเนล เมสซี, คริสเตียโน โรนัลโด หรือ ซีเนดีน ซีดานจริงหรือไม่
และตัวตนของชายผู้ได้รับสมญาว่า The Black Pearl หรือ ‘ไข่มุกดำ’ จริงๆ นั้นเขาเป็นคนอย่างไรกัน
โชคดีสำหรับแฟนฟุตบอลทุกคนที่เราจะได้ชมสารคดีฟุตบอลเรื่องใหม่ Pelé ที่ฉายแล้วทาง Netflix ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในสารคดีเรื่องนี้ซึ่งมีความยาว 1 ชั่วโมงกับอีก 48 นาที (ในระบบภาพ HD และบันทึกเสียงในระบบ Dolby Vision) เราจะได้ร่วมเดินทางย้อนกาลเวลาไปยังทศวรรษที่ 1950 กับจุดตกต่ำที่สุดของชาวบราซิลในโศกนาฏกรรมที่ชื่อว่า ‘มาราคานาโซ’ ที่ทีมชาติอันน่าภาคภูมิใจของพวกเขาพ่ายแพ้ต่ออุรุกวัย ในนัดชิงชนะเลิศที่สนามชามอ่างยักษ์มาราคานาบนแผ่นดินตัวเอง
ก่อนที่จะปรากฏความหวังใหม่ของชาติ ซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยอายุ 17 ปี แต่สามารถลบฝันร้ายของคนทั้งประเทศได้ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกได้ในการแข่งขันที่ประเทศสวีเดนเมื่อปี 1958
ลองจินตนาการว่าเด็กอายุแค่นี้ แต่ทำ 6 ประตูในรอบน็อกเอาต์ โดยยิงประตูชัยในเกมกับเวลส์ รอบ 8 ทีมสุดท้าย, ซัดแฮตทริกใส่ฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ และทำอีก 2 ประตูให้บราซิลล้มสวีเดนเจ้าภาพบนสนามของตัวเอง
เพียงแต่เราไม่ได้จะเห็นแค่เพียงตำนานความมหัศจรรย์ในสนามของเปเลเท่านั้น ในสารคดีเรื่องนี้จะเปิดมุมมองชีวิตอีกด้านของเขาในฐานะ ‘ไอคอน’ ของชาติ นักฟุตบอลผู้ไม่ได้เป็นสมบัติของสโมสรฟุตบอลหรือทีมชาติ แต่เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ
ในมุมจากภายนอกมันคือความสวยงามกับสถานะอันยิ่งใหญ่ แต่ในมุมภายในมันคือความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
ใหญ่ในระดับที่ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าเปเลแบกรับอะไรอยู่บ้าง
เรายังจะได้เห็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศบราซิล เมื่อเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพในปี 1964 และนำไปสู่การเป็นประเทศเผด็จการซึ่งอยู่ยืนยงถึงปี 1985 โดยในช่วงเวลาของการรัฐประหารนั้น เปเลถูกกดดันอย่างหนักให้แสดงจุดยืนว่าเขาเลือกข้างใด
และการตัดสินใจของเขาทำให้เพื่อนเก่าบางคนถึงขั้นไม่อาจให้อภัยได้ (และมันทำให้เราได้รู้ว่ากีฬาฟุตบอลมีความเชื่อมโยงกับการเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ)
เราจะได้เห็นเปเลและขุนพลรอบกายเขาอย่าง แกร์สัน, ทอสเทา, ริเวลลิโน, แจร์ซินโญ ในฟุตบอลโลก 1970 และความรู้สึกของตัวเขาจริงๆ หลังการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 มาครองได้
รวมถึงมุมส่วนตัวของชีวิต สมาชิกครอบครัว และแรงบันดาลใจ ซึ่งเขาเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเอง
เป็นการเล่านิทานของราชาลูกหนังโดยตัวของราชาในวัยชรา
ในวัย 80 ปี ร่างกายเสื่อมถอยไปมากแล้ว แต่ความทรงจำยังคงชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนที่มีหัวใจรักในเกมฟุตบอลทุกคนที่จะได้รู้จักเปเลมากกว่าที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: