หลายคนอาจจะเพิ่งคุ้นตาผลงานชิ้นล่าสุดของ โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ใน Blackout บาร์ลับไม่มีในโลก ที่ออนแอร์เฉพาะทาง AIS Play เขาคือหนึ่งในนักแสดงยุคใหม่ที่สามารถพิสูจน์ตัวเองผ่านหลากหลายบทบาท จนได้รับการยอมรับในฝีมือการแสดง และแฟนคลับของเขาต่างก็เฝ้ารอคอยผลงานชิ้นใหม่ๆ ที่เราเองก็เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะได้เห็นการอัปเลเวลของบทบาทที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ ของผู้ชายคนนี้ ในโอกาสที่เขาแวะเวียนมาที่ออฟฟิศ THE STANDARD ทำให้เราชวนเขามาคุยเรื่องสุขภาพกันบ้าง ไปดูกันว่าโอบจากวัยเด็กถึงปัจจุบันเติบโตมาอย่างไรและใส่ใจเรื่องสุขภาพมากแค่ไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย
ด.ช.โอบ = เด็กกินยาก ไม่ชอบผัก
โอบ: ตอนเด็กผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะกินยากครับ อย่างผัก ผลไม้ หรืออะไรที่เป็นประโยชน์นี่จะไม่ค่อยกินหรือกินน้อยมากๆ อย่างบางอันก็เพิ่งมาค้นพบตอนโตแล้วว่า โอ้โห ทำไมไม่กินตั้งนานแล้วนะ อย่างเช่น แกงเขียวหวานที่ผมเพิ่งรู้ว่ามันอร่อยมาก แล้วตัวเองก็ชอบกินมากๆ ทั้งที่ตอนเด็กจะมองว่าแกงเขียวหวานสีมันแปลก ดูไม่น่ากิน เลยไม่แตะต้องเลย เพิ่งมารู้ตอนปี 3 ที่มีโอกาสได้ไปทริปต่างประเทศกับพี่ย้ง ทรงยศ แล้วเขาก็ทำแกงเขียวกินกัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายระหว่างทริปต่างๆ คือถ้าผมไม่กิน ก็จะไม่มีอะไรกินแล้วนะ ต้องไปซื้อเอง แต่พอได้ลองกินเข้าไปแล้วแบบ เฮ้ย อร่อย หลังจากนั้นก็ชอบแกงเขียวหวานมาโดยตลอด
สุขภาพวัยเด็ก
โอบ: ผมเป็นเด็กที่ป่วยง่ายครับ เรียกว่าเป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เด็ก ถ้าวันไหนอากาศเปลี่ยนก็จะเริ่มมีอาการฟึดฟัดได้ง่ายเลย สมมติว่าถ้าวันไหนฝนจะตก ตัวผมนี่สามารถเป็นเหมือนตัวพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้เลย จะมีอาการจมูกฟึดฟัด น้ำมูกไหล แล้วมันบ่งบอกถึงสภาพของอากาศที่แปรปรวน อย่างวันไหนถ้าฝนจะตกแล้วมีอาการฟึดฟัดจมูกล่วงหน้านี่คือแม่นเลย แล้วโรคภูมิแพ้นี่ผมเคยได้ยินเขาบอกว่าถ้ากินยามาจนถึงอายุ 17 ปีแล้วไม่หาย มันก็คือจะเป็นโรคภูมิแพ้ตลอดไป ผมอายุเกินแล้วก็ยังเป็นอยู่ คงต้องอยู่กับมันไปตลอด
ปัญหาสุขภาพที่เจอบ่อยนอกจากภูมิแพ้
โอบ: ผมจะมีอีกหนึ่งปัญหาคือกรดไหลย้อน เพราะว่าจะมีช่วงหนึ่งที่ติดน้ำอัดลมมาก จะกินบ่อยๆ แล้วก็ทำให้กระเพาะข้างในแดง คืออยู่ดีๆ ผมก็มีอาการท้องอืด แล้วก็ปวดท้องขึ้นมาตอนกลางคืน มันปวดจนทนไม่ไหว เลยต้องไปแอดมิดที่โรงพยาบาล พอส่องกล้องดู คุณหมอก็บอกว่ากระเพาะของเราแดงนะ แล้วส่วนบริเวณที่เป็นหูรูดของกระเพาะที่ปกติมันจะปิดอยู่ตลอดเวลา มันดันเปิดออก ทีนี้กรดมันเลยไหลออกมา จากเหตุการณ์นั้นส่งผลให้ผมเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองใหม่ คือต้องดูแลตัวเองมากขึ้น กินอาหารให้ตรงเวลามากขึ้น หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม เพราะถ้าเมื่อไรที่ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยๆ ไปบ้าง อาการนี้ก็จะกลับมาเตือนตลอดว่าเฮ้ย ต้องดูแลตัวเองได้แล้วนะ
ประเมินตัวเองเรื่องการใส่ใจสุขภาพ คะแนนเต็ม 10
โอบ: เรื่องใส่ใจสุขภาพประมาณ 6.5 ครับ ผมคิดว่าเรื่องสำคัญที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ผมต้องใส่ใจตลอดไปคือเรื่องของอาหารการกิน หมายถึงว่าส่วนใหญ่ผมจะไม่ชอบกินผัก หรืออะไรที่มีประโยชน์ก็จะไม่ค่อยกินเลย มันทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ นำไปสู่โรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ต้องบอกตามตรงว่าชีวิตผมจะเป็นคนประเภทกินหมูกระทะเป็นส่วนใหญ่ (หัวเราะ) ไม่ค่อยได้กินอาหารคลีนๆ กับชาวบ้านเขาเท่าไร ยกเว้นว่าเป็นช่วงที่ต้องควบคุมน้ำหนักเพื่อทำงานหรืออะไรอย่างถึงจะหลีกเลี่ยงหมูกระทะ แต่ก็คิดว่าต่อไปคงจะหันมาดูแลตัวเองเพื่อแก้ไขเรื่องอาหารการกินให้มันดีและมีประโยชน์มากขึ้นครับ
เป้าหมายเรื่องสุขภาพขอบโอบ
โอบ: จริงๆ แล้วเป้าหมายเรื่องสุขภาพผมมีนะครับ คือผมวัดจากปะป๊าของผม แล้วก็มาคิดว่าถ้าผมอายุมากเท่าปะป๊า ผมไม่อยากเห็นตัวเองอ้วน เพราะเมื่อก่อนปะป๊าผมผอมมาก แต่ว่าปัจจุบันอ้วนตุ้บเลยครับ (หัวเราะ) แล้วเขาก็จะมีโรคความดันที่มาพร้อมกับความอ้วน ซึ่งผมไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้น ก็เลยพยายามที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น
ท่องเที่ยวเชิง Wellness ในแบบที่ชอบ
โอบ: ก็มีนะครับ จะเป็นการท่องเที่ยวเชิง Therapy นิดหนึ่ง อย่างเช่น เวลาผมทำงานเสร็จ ถ่ายซีรีส์จบแล้ว ผมจะขอเบรกการรับงานประมาณเดือนหนึ่งเพื่อที่จะได้ไปรีเฟรชตัวเอง เพื่อ Therapy ตัวเอง ผมมักจะออกเดินทางไปเที่ยวเพื่อรีเซ็ตทุกอย่างที่ผ่านมา จริงๆ ผมไปเที่ยวแบบไหนก็ได้หมดนะทั้งภูเขาและทะเล แต่ง่ายสุดคงเป็นทะเล แล้วผมเป็นคนดำง่าย กลับมาจากการ Therapy ตัวเอง ก็มักจะโดนบ่นว่าผิวเข้มขึ้น แต่ก่อนถ้าผมไปเที่ยวตอนยังมีงานค้างถ่ายอยู่แล้วกลับมาถ่ายต่อ ผมมักจะโดนบ่นเพราะผิวคล้ำขึ้น (หัวเราะ) มันจะไม่ต่อเนื่องกัน ตอนหลังๆ ก็เลยรอให้ถ่ายงานเสร็จ แล้วเบรกเป็นเดือนๆ เพื่อไปเที่ยว แบบนั้นเวิร์กกว่าครับ
โควิด-19 เปลี่ยนมุมมองเรื่องสุขภาพ
โอบ: โควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมาก เวลาจะออกไปไหนจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ผมเป็นเหมือนผู้มาก่อนกาลเหมือนกันนะ (หัวเราะ) คือด้วยความเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก แล้วมีนิสัยติดใส่หน้ากากอนามัยอยู่แล้ว ติดไว้กับตัวตลอด ผมซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนจะมีโรคโควิด-19 ระบาดอีก อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบใส่หน้ากากอนามัยในวันที่หน้าสด ไม่ต้องแต่งหน้า อย่างช่วงไหนที่ฝุ่น PM2.5 มาหนักๆ ก็จะใส่ตลอด ผมจะมีหน้ากากอนามัยติดกระเป๋าไว้ตลอด ผมใช้หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอนสีดำที่ใส่แล้วรู้สึกสบายใจ แล้วอีกอย่างที่เป็นนิสัยเลยก็คือติดการล้างมือบ่อยๆ เพราะกลัวว่าการที่เราไปสัมผัสสิ่งต่างๆ แล้วไม่ล้างมือ มันจะนำโรคมาติดเราได้ ซึ่งก็ต้องป้องกันไว้ก่อนด้วยการล้างมือบ่อยๆ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
