หลังจากที่ได้ประกาศแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่อย่างเป็นทางการพร้อมพาองค์กรมุ่งทะยานไปข้างหน้าท่ามกลางความท้าทาย วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) Grab ประเทศไทย แพลตฟอร์มซูเปอร์แอปฯ ก็ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ‘GROW’ ซึ่งจะเน้นการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ยังประกาศเตรียมให้บริการด้านการลงทุนและประกันในส่วนของ GrabFinancial อีกด้วย
สำหรับแนวคิดในการขับเคลื่อนธุรกิจ GROW เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ Grab ประเทศไทยใน 4 เสาหลัก ประกอบด้วย
- ต่อยอดความเป็นผู้นำธุรกิจรับ-ส่งอาหาร (G: GrabFood Leadership) – รักษาจุดแข็งในตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและความเป็นผู้นำในด้านคุณภาพบริการ เพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารที่หลากหลายและประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ โดยจะเน้นกระตุ้นการใช้งานผ่านกิจกรรมทางการตลาดทั่วประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงเพิ่มเมนูพิเศษที่มีเฉพาะบน GrabFood เท่านั้น (Signature Menu) กว่า 300 เมนู
- ยกระดับความสัมพันธ์กับคนทุกกลุ่มในอีโคซิสเต็ม (R: Relationship with Key Stakeholders) – ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์คนขับในการรับฟังความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เร่งเสริมศักยภาพต่อยอดธุรกิจของพาร์ตเนอร์ร้านค้า ทั้งกลุ่มร้านอาหารและกลุ่มร้านค้าออนไลน์ผ่านการทำการตลาด อบรมและแชร์ความรู้ด้านการทำการตลาดออนไลน์ในการทำธุรกิจให้สามารถเพิ่มยอดขาย
รวมทั้งปรับกระบวนการลงทะเบียนเพื่อขึ้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มและกระบวนการจ่ายเงินให้แก่พาร์ตเนอร์ร้านอาหารให้สะดวกรวดเร็ว เพื่อโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงการนำเสนอประสบการณ์ที่ปลอดภัยแก่กลุ่มผู้ใช้งาน และสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่เข้าถึงอินไซต์ผู้บริโภค
- ขยายบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค (O: Opportunities for New Business) – ตั้งเป้าขยายสาขาของ GrabKitchen ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง และเตรียมเปิดสาขาที่ 8 ในช่วงต้นปีนี้, ขยายบริการ GrabMart ให้ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภทยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมขยายบริการ e-Wallet เปิดตัวผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ เช่น บริการสินเชื่อแก่พาร์ตเนอร์ร้านอาหารและผู้ใช้งาน รวมไปถึงบริการประกันและการลงทุน
- ส่งเสริมทักษะดิจิทัลเพื่อสนับสนุนไทยแลนด์ 4.0 (W: Digital Workforce Development in Support of Thailand 4.0) – ผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทักษะและความเข้าใจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) การเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Inclusion) และการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ โดยจะยังคงร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย และสร้างสรรค์บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์พาร์ตเนอร์ร้านอาหารและคนขับ
อเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ธุรกิจของ Grab ไทยในปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยธุรกิจภาพรวมเมื่อสิ้นสุดปีสามารถฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด ขณะที่ยอดการใช้งานครอบคลุมทุกบริการเติบโตเป็นสองเท่าจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การออกแคมเปญทางการตลาดต่อเนื่องตลอดปียังผลักดันให้ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมด
“ในปี 2564 ซึ่งทุกคนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal Grab จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสังคม โดยเฉพาะการสร้างสมดุลของอีโคซิสเต็มและเสริมความแข็งแกร่งของบริการ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านซูเปอร์แอปฯ ที่เข้าถึงความต้องการของทุกฝ่าย”
ด้าน วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการสานต่อพันธกิจ ‘GrabForGood’ หรือ แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า Grab ประเทศไทย ได้ช่วยให้พาร์ตเนอร์คนขับและพาร์ตเนอร์ร้านค้ากว่า 400,000 รายสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของ Grab ในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว
“ไปจนถึงเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน เช่น บริการผ่อนชำระโทรศัพท์มือถือและบริการสินเชื่อเงินสด นอกจากนี้ Grab ยังร่วมมือกับองค์กรภาครัฐในการเพิ่มช่องทางในการกระจายผลผลิตทางการเกษตรกร และการติดอาวุธทักษะในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ในปี 2564 Grab จะเดินหน้าตอกย้ำพันธกิจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยต่อไป”