Da Vinci of Debt ผลงานศิลปะแบบการจัดวาง (Installation) ของ Natural Light ที่จัดแสดงอยู่ที่ Grand Central Terminal ในกรุงนิวยอร์ก กลายเป็นผลงานศิลปะที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลกด้วยราคา 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.4 หมื่นล้านบาท
โดย Da Vinci of Debt เป็นงานที่ตั้งใจจะสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหนี้สินของเด็กมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่มาจากการจ่ายค่าเทอมสำหรับการเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปี ซึ่งการจ่ายค่าเทอม 4 ปีในมหาวิทยาลัย ทำให้เด็กอเมริกันมากกว่า 45 ล้านคนต้องตกอยู่ในสภาวะของการเป็นหนี้ และ Natural Light ก็อยากให้ผู้ชมมองเห็นอีกด้านของความสำเร็จ เมื่อเด็กๆ นั้นจบการศึกษา เบื้องหลังรอยยิ้มและการเฉลิมฉลอง สำหรับใบปริญญาหนึ่งใบคือหนี้สินกองโตที่พวกเขาต้องแบกรับตั้งแต่อายุยังน้อย
งาน Da Vinci of Debt ประกอบไปด้วยปริญญาบัตรของจริงกว่า 2,600 ใบที่เรียงกันเป็นขั้นบันได ซึ่งแต่ละใบตีราคาเป็นเงิน 5.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาค่าเทอมทั่วไปของการเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีในสหรัฐฯ ทำให้งานศิลปะชิ้นนี้มีมูลค่าถึง 1.4 หมื่นล้านบาท แซงหน้าภาพวาดอายุ 600 ปีอย่าง Salvator Mundi โดย เลโอนาร์โด ดา วินชี ไป 600 ล้านบาท
แดเนียล เบลก รองประธานฝั่งการตลาดของบริษัท ได้กล่าวถึงงานชิ้นนี้ว่า “หนี้สินจากการเรียนมหาวิทยาลัยเป็นประเด็นที่สำคัญ และน่าเศร้าที่มันเป็นเรื่องที่คนอเมริกันมองข้าม เราเลือกศิลปะในการขยายปัญหานี้ เพื่อเปรียบเทียบจำนวนเงินมหาศาลของงานศิลปะกับค่าเทอมสำหรับการเรียน 4 ปีในมหาวิทยาลัย ให้เด่นชัดขึ้น”
สามารถรับชมงานศิลปะที่แพงที่สุดในโลกได้ผ่านทาง https://www.naturallight.com/davinci-of-debt
ภาพ: Natural Light
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: