ต้อนรับเช้าวันใหม่กับความเคลื่อนไหวสำคัญในโลกเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ประจำวันที่ 12 มกราคม ใน THE STANDARD WEALTH Morning Brief
UBS คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนในเอเชียปีนี้เติบโต 24-25%
สถาบันการเงินผู้บริหารความมั่งคั่งชื่อดังจากสวิสเซอร์แลนด์มองว่า บริษัทจดทะเบียนในเอเชียจะมีผลการดำเนินงานเติบโตได้ 24-25% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปี 2020 โดยมองว่าเอเชียเป็นตลาดที่มีความยืดหยุ่นสูง และมีผลการดำเนินงานในปี 2020 หดตัวลงเพียง 1% ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ที่หดตัวกันในระดับ 25-30% โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่ไม่ใช่เอเชียเหนือน่าจะมีการฟื้นตัวที่ดี
Goldman Sachs มองว่าการถอดถอนหุ้นจีนมีผลกระทบจำกัด
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ มีท่าทีที่กลับไปกลับมาในเรื่องการถอดถอนบริษัทด้านการสื่อสารจีนจำนวน 3 บริษัทออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจบด้วยการจะถอดถอนออก
ทาง Goldman Sachs มองว่าการถอดถอนมีผลกระทบที่จำกัด เนื่องจากหุ้นเหล่านี้มีปริมาณเพียง 5% ของดัชนี MSCI China Index รวมถึงคำสั่งจาก Executive Order ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งห้ามทำรายการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชันจ่ายเงินของจีนอย่าง WeChat Pay และ Alipay ด้วย
หุ้น Tesla ร่วงแรง ฉุดดัชนี Nasdaq รูดหนัก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์ที่ 2 ของปี คล้ายกับความเคลื่อนไหวในสัปดาห์ก่อนที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่วันแรกของการซื้อขาย การเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน ปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันตลาดมาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 4 วันติดต่อกันในสัปดาห์ก่อน ดัชนีหลักทั้ง 3 ปรับตัวลดลงกันทั้งหมด โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq 100 ที่ปรับตัวลดลงถึง -1.55% จากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะหุ้น Tesla ที่ปรับตัวลดลงแรง รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ให้บริการ Social Media ก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงเช่นกัน
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
- ประกาศตัวเลขแนวโน้มการจ้างงานที่สำรวจโดย Conference Board หรือ CB Employment Trend Index ประจำเดือนธันวาคมที่ 99.01 จุด ลดลงจากเดือนก่อนที่ 99.05 จุด
2. ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงตึงเครียดในช่วงปลายของการบริหายภายใต้ทรัมป์ หลัง ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการจำกัดช่องทางการติดต่อกับไต้หวัน
3. Lululemon คาดการณ์ว่า ยอดขายและผลกำไรของบริษัทในไตรมาส 4 ที่เพิ่งจบไปน่าจะดีกว่าที่คาดไว้ในช่วงก่อนหน้า จากยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงวันหยุดและเทศกาลต่างๆ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
หุ้นเกาหลีเริ่มปรับฐาน หลังดัชนีพุ่งร้อนแรงในสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI ลดลง 3.73 จุด หรือ 0.12% ดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้เริ่มมีการปรับฐานเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมากในสัปดาห์ก่อน ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีตั้งแต่เปิดตลาด แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรตลอดการซื้อขายจนลงมาอยู่ในโซนติดลบ หลังจากนั้นดัชนีก็เคลื่อนไหวสลับในแดนบวกและแดนลบในกรอบแคบ เมื่อดูในภาพรวมของดัชนี จำนวนหุ้นที่ปรับตัวลดลงมีมากกว่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก 628 ต่อ 140 หลักทรัพย์
แต่ที่ดัชนีปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และยานยนต์อย่าง Samsung Electronics และ Hyundai Motor ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี จึงช่วยให้ดัชนีไม่ปรับตัวลดลงแรงนัก ส่วนกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ ผู้ให้บริการสาธารณูปโภค และธนาคาร ปรับตัวลดลง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมามากที่ 650 ล้านดอลลาร์ ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิสูงถึง 3,380 ล้านดอลลาร์
ราคาทองคำผันผวนหนัก หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง
ราคาทองคำปรับตัวค่อนข้างผันผวน ปรับตัวลดลงไปที่ระดับ 1,820 ดอลลาร์ในช่วงเช้าของการซื้อขายในตลาดเอเชีย แต่ก็มีการฟื้นตัวขึ้นมาบริเวณ 1,850 ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง สุดท้ายมาปิดที่ 1,843 ดอลลาร์ ลดลง 0.32% ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ดัชนี US Dollar Index ปิดที่ 90.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.48%