วันนี้ (11 มกราคม) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดงานแถลงข่าว ‘แนะวิธีใช้งานชุดตรวจคัดกรองแอนติบอดีโควิด-19 อย่างถูกต้อง’ โดยมี นพ.บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ผศ.ดร.ธีรกมล เพ็งสกุล คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หัวหน้าโครงการชุดทดสอบเพื่อตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และคณะร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
โดยทีมนักวิจัยคณะเทคนิคการแพทย์ และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำโดย ผศ.ดร.ธีรกมล และคณะ ร่วมกันพัฒนาชุดตรวจคัดกรองแอนติบอดีโควิด-19 หรือภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และผ่านการรับรองจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันการวินิจฉัยโรคโควิด-19 ของประเทศไทยและสากลมี 2 วิธี ได้แก่
- ตรวจหาเชื้อไวรัส เป็นวิธีที่สามารถตรวจพบเชื้อได้เร็ว ประมาณ 5-7 วัน หลังได้รับเชื้อ จึงเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัย (การตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส ด้วยวิธี RT-PCR) โดย Swab บริเวณหลังโพรงจมูกไปตรวจ และจะทราบผลการตรวจภายใน 3-5 ชั่วโมง
- การตรวจหาภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อไวรัส เป็นวิธีการตรวจหาภูมิต้านทาน หรือแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัส (IgM/IgG) ซึ่งเป็นภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้น จะตรวจพบได้ประมาณ 10-14 วัน หลังได้รับเชื้อ (ในระยะแรกที่ติดเชื้อไวรัส การตรวจภูมิต้านทานจะเป็นผลลบ ซึ่งไม่ได้แปลว่าบุคคลนั้นไม่ติดเชื้อโควิด-19) ซึ่งวิธีการตรวจหาภูมิต้านทานจะตรวจจากเลือด และทราบผลการตรวจภายใน 15-30 นาที (Rapid Test)
สำหรับการแปลผลโดยวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัส RT-PCR หากผลเป็นบวก หมายถึงพบเชื้อโควิด-19 และหากผลเป็นลบ หมายถึงไม่พบเชื้อโรควิด-19 (แต่อาจต้องตรวจซ้ำในอีก 5-7 วัน)
ส่วนการแปลผลโดยวิธีการตรวจหาภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) หากผลเป็นบวกหมายถึงเคยได้รับเชื้อมาก่อนหน้าวันตรวจประมาณ 10-14 วัน แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าเชื้อไวรัสหมดไปจากร่างกายแล้วหรือไม่ ต้องตรวจ RT-PCR ร่วมด้วย นอกจากนี้ ภูมิต้านทานที่ตรวจพบ ไม่มีหลักฐานว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้
หากผลเป็นลบ หมายถึง เป็นไปได้ว่าได้รับเชื้อไวรัสมาแล้ว แต่ร่างกายไม่สร้างภูมิต้านทาน (ในช่วง 10-14 วันแรก) หรือยังไม่เคยได้รับเชื้อไวรัส และยืนยันไม่ได้ว่า ขณะนี้ได้รับเชื้อไวรัสมาแล้วหรือไม่ ดังนั้นผล Rapid Test เป็นลบ จึงยืนยันไม่ได้ว่าปลอดภัย ไม่มีเชื้อ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ในผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต้องตรวจ RT-PCR ร่วมด้วย
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้วิธีการตรวจภูมิคุ้มกัน (Rapid Test) ในการตรวจคัดกรอง และวินิจฉัยโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัว ใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ล้างมือ รักษาระยะห่าง มีความสำคัญเพื่อลดการแพร่เชื้อต่อผู้อื่น หรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์