สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมเครต เตรียมยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 11 มกราคมนี้ โดย แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่าหากเขาไม่ยอมลาออก เธอจะยื่นถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งทันที ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาเคยถูกยื่นถอดถอนมาแล้วเมื่อปี 2019
ล่าสุดมี ส.ส. จากพรรคเดโมแครตกว่า 160 คนร่วมลงชื่อในญัตติถอดถอนนี้แล้ว ซึ่งร่างโดย ส.ส. จากพรรคเดโมแครต 2 คนระหว่างการหลบภัยจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 มกราคม) โดยเหตุจลาจลดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน
ญัตติดังกล่าวมีความยาวมากกว่า 3 หน้ากระดาษ แต่มีเพียงหนึ่งข้อหา นั่นคือ ‘ยุยงปลุกปั่นให้เกิดการจลาจล’ และมีใจความสำคัญว่า “โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ มีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมและความผิดทางอาญาระดับสูง โดยเจตนายุยงให้เกิดความรุนแรงต่อรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา” และอ้างถึงคำพูดที่ทรัมป์ปราศรัยต่อผู้สนับสนุนว่า “เราชนะการเลือกตั้ง และชนะอย่างถล่มทลาย” ก่อนหน้าที่จะการลงมติรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนในสภาคองเกรสไม่นานนัก ซึ่งญัตติดังกล่าวระบุชัดเจนว่าข้อความปราศรัยนี้เป็นเท็จ และชี้ว่าทรัมป์จงใจใช้คำแถลงที่ปลุกเร้า และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ อันนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย
ญัตติดังกล่าวยังระบุต่อไปว่า พฤติกรรมทรัมป์ในวันเกิดเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ยังสอดคล้องกับความพยายามของเขาที่จะล้มล้าง และขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ และยกตัวอย่างกรณีการต่อสายโทรศัพท์ไปหาผู้ว่าการรัฐจอร์เจียของทรัมป์ เพื่อให้ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียหาคะแนนเสียงให้มากพอที่จะพลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี รวมถึงขู่ผู้ว่าการรัฐรายดังกล่าวหากไม่สามารถปฏิบัติตามได้
“ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จึงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และสถาบันของรัฐบาลอย่างร้ายแรง เขาคุกคามบูรณภาพแห่งระบอบประชาธิปไตย แทรกแซงการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ และทำลายสาขาหนึ่งแห่งรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทรยศต่อความไว้วางใจในฐานะประธานาธิบดีต่อความเสียหายของประชาชนซึ่งเป็นที่ประจักษ์” ญัตติระบุในช่วงท้าย
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะถูกลงมติถอดถอนจริงในชั้นวุฒิสภา ซึ่งต้องใช้เสียงมากถึง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกทั้งหมดนั้นอาจยังดูห่างไกล เมื่อทรัมป์ยังได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันจำนวนมาก และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมี ส.ว. รีพับลิกันจำนวนมากพอที่จะลงมติว่าทรัมป์มีความผิด แม้จะมี ส.ว. รีพับลิกันบางคนที่แสดงท่าทีว่าต้องการให้ทรัมป์ลาออก หรือแสดงเจตนาว่าจะพิจารณาเรื่องการถอดถอนอย่างจริงจังก็ตาม ซึ่งอาจทำให้การยื่นถอดถอนในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเพียงการกระทำเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ทรัมป์ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เท่านั้น
นอกจากนี้ จากบันทึกของผู้ช่วยที่ส่งถึง มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันก็ระบุว่า ช่วงเวลาอย่างเร็วที่สุดที่วุฒิสภาจะรับคำฟ้องใดๆ เพื่อขอถอดถอนทรัมป์ได้คือวันที่ 19 มกราคม ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าที่วาระการดำรงตำแหน่งของทรัมป์จะสิ้นสุดลง และเอกสารดังกล่าวยังระบุว่า จากกฎของวุฒิสภายังทำให้กระบวนการไต่สวนทรัมป์ไม่สามารถเริ่มต้นได้จนกว่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงหลังทรัมป์สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งลง
สำนักข่าว BBC รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญหลายคนยังเสียงแตกกับคำถามที่ว่า กระบวนการถอดถอนทรัมป์จะเดินหน้าไปถึงชั้นการไต่สวนของวุฒิสภาได้หรือไม่ เมื่อประธานาธิบดีได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่หากทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาก็อาจจะไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งที่เกี่ยวข้องต่อความรับผิดชอบต่อสาธารณะได้อีก
ส่วนปฏิกิริยาของโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไประบุว่า การถอดถอนเป็นเรื่องของสภาคองเกรสที่จะเป็นผู้ตัดสิน แต่เขาก็คิดมานานแล้วว่าทรัมป์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนทำเนียบขาวก็ระบุว่า การเสนอญัตติถอดถอนดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวที่มีแรงจูงใจทางการเมือง เพียงเพื่อแบ่งแยกประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างสหรัฐฯ ต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: