ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับต่อสาธารณชนครั้งแรกว่าเขาจะไม่ดำรงตำแหน่งต่อแม้ยังไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็ตาม โดยเขายังไม่แสดงความยินดีต่อ โจ ไบเดน ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้รับการรับรองชัยชนะจากสภาคองเกรส แต่เขายืนยันว่าจะถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบ
การแสดงท่าทีล่าสุดของทรัมป์อาจถือเป็นการยุติความพยายามของเขาในการพลิกผลการเลือกตั้ง หลังทรัมป์กล่าวอ้างมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ชนะไบเดน ท่ามกลางกระแสกดดันจากรอบข้าง จากกรณีที่เขาปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา หรือ U.S. Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพุธ (6 มกราคม) ในระหว่างที่สมาชิกสภากำลังประชุมเพื่อลงมติรับรองคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง ส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย สร้างความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายจากเหตุจลาจลที่เกิดขึ้น
ทรัมป์กล่าวในวิดีโอที่บันทึกไว้ที่ทำเนียบขาวว่า “คณะบริหารชุดใหม่จะเข้าสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ตอนนี้ผมโฟกัสไปที่การทำให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่น เป็นระเบียบ และไม่สะดุด”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะแสดงท่าทีอ่อนลงในวิดีโอดังกล่าว แต่ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวคนหนึ่งระบุว่า เหตุผลที่ทรัมป์บันทึกวิดีโอครั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าเขากำลังเผชิญแรงกดดันจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีก 13 วัน สืบเนื่องจากเหตุจลาจลที่เกิดขึ้น
“ผมคิดว่าวิดีโอนี้ทำขึ้นเพียงเพราะเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของเขาทั้งหมดเตรียมจะลาออก และการถอดถอนก็กำลังใกล้เข้ามา สารและน้ำเสียงนี้ควรถ่ายทอดออกมาในคืนวันเลือกตั้ง ไม่ใช่หลังจากที่มีคนเสียชีวิตแล้ว” ที่ปรึกษาทำเนียบขาวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับ CNN
ในวิดีโอดังกล่าวทรัมป์ยังเรียกร้องให้มีการ ‘เยียวยาและปรองดอง’ และบอกว่าประเทศต้องเดินหน้าต่อไป
แต่เขายังกล่าวอ้างผิดๆ เกี่ยวกับบทบาทของเขาในการสั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ารับมือกับกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา
“การทำหน้าที่ประธานาธิบดีของพวกคุณถือเป็นเกียรติในชีวิตของผม และสำหรับผู้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดของผม ผมรู้ว่าพวกคุณต่างผิดหวัง แต่ผมอยากให้พวกคุณรับรู้ว่าการเดินทางที่เหลือเชื่อของเราเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น” ทรัมป์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทั้งนี้มีการพูดถึงบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 (25th Amendment) กันมากขึ้น ซึ่งเปิดทางให้มีการปลดหรือถอดถอนประธานาธิบดี และมอบอำนาจให้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่แทนไปจนกว่าจะหมดวาระ โดยเวลานี้สมาชิกเดโมแครตในสภาคองเกรสกำลังผลักดันเรื่องนี้อย่างหนัก แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องมีสมาชิกรีพับลิกันสนับสนุนด้วยจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ทรัมป์ยังมีโอกาสถูกดำเนินคดีจากบทบาทของเขาในการปลุกปั่นให้เกิดจลาจลด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: