วันนี้ (6 มกราคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยจะได้วัคซีนอย่างเร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะรับเข้ามาก่อน 2 แสนโดส และจะครบตามจำนวน 2 ล้านโดสในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ในอนาคตอาจจะได้วัคซีนเร็วกว่านี้ เพราะกำลังเจรจากับผู้ผลิตอีกหลายราย
การเร่งนำวัคซีนเข้ามาก่อนนั้น ส่วนสำคัญมาจากพบการระบาดรอบใหม่ จึงจำเป็นต้องปกป้องดูแลประชาชนก่อน จำเป็นต้องมีการปรับแผนเพื่อให้ได้วัคซีนเร็วขึ้น ทั้งนี้การพิจารณานำเข้ามานั้น วัคซีนต้องผ่านการรับรองโดยประเทศต้นทางว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัย เมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีกระบวนการตรวจสอบอีกหลายชั้น เพื่อให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
การตกลงซื้อมาคราวละ 2 ล้านโดส เป็นแผนการจัดซื้อ ซึ่งต้องเร่งหามาให้แพทย์ พยาบาล นักรบด่านหน้าก่อน เพราะกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคระบาด ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งเราจะสูญเสียบุคลากรการแพทย์ไม่ได้ จึงจัดหาวัคซีนมาปกป้อง
จากนั้นเราจะมีวัคซีนของแอสตราเซเนกาสำหรับฉีดให้ประชาชนที่เหลือต่อไป ระหว่างนั้นจะมีวัคซีนต้านโควิด-19 เข้ามาให้พิจารณาเพิ่มเติม ภาครัฐจะจัดหาเข้ามาใช้แน่นอน และยืนยันว่าการฉีดเข้าร่างกายคนไทยจะเกิดขึ้นเมื่อวัคซีนนั้นได้รับการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
“เห็นการทำงานตั้งแต่เริ่มระบาดที่สมุทรสาคร รู้สึกเป็นห่วงคนทำงานอย่างยิ่ง ภาวนาขอให้อย่าเจ็บอย่าป่วย เพราะงานมีความเสี่ยงมากจริงๆ แต่คนทำงานหยุดไม่ได้ คนที่ป่วยไปแล้วก็มี อาทิ ท่านผู้ว่าฯ ซึ่งป่วยจากความทุ่มเททำงานหนัก ภาครัฐก็ต้องดูแล วัคซีนล็อตแรกต้องเร่งจัดหาให้คนด่านหน้าให้เร็วที่สุด” อนุทินกล่าว
อนุทินยังบอกด้วยว่า เรื่องการล็อกดาวน์ ไม่มีใครอยากให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งในการระบาดรอบแรกประเทศไทยควบคุมการระบาดได้เพราะคนไทยช่วยกัน รอบนี้หากคนไทยยังคงความสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ ทุกคนจะก้าวผ่านไปได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือกรุณาปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองใช่หรือไม่ เกิดจากการไปเที่ยวบ่อนใช่หรือไม่ ล้วนเป็นกิจกรรมผิดกฎหมาย ประชาชนต้องช่วยกัน ส่วนภาครัฐต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด
ระหว่างที่รอวัคซีนอยู่นี้ จำเป็นต้องบริหารจัดการอุปกรณ์ป้องกันและเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ ทั้งในเรื่องของการใช้และการหามาเพิ่มในสต๊อก รวมไปถึงความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินต่างๆ อาทิ การตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งสามารถตั้งได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานในการควบคุมและรักษาโรค มีแผนการตลอดว่าถ้าเจอผู้ติดเชื้อ ใน 24 ชั่วโมงต้องทำอย่างไร ใน 48 ชั่วโมงต้องทำอย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้ปฏิบัติได้ตามแผน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล