วันนี้ (5 มกราคม) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า วิเคราะห์สถานการณ์ในเมืองไทย สิ่งสำคัญตอนนี้คืออยากให้ทุกคนทราบว่าการติดเชื้อโดยไม่มีอาการนั้นสามารถแพร่ให้คนอื่นได้ง่าย เพราะคนแพร่ก็อาจไม่รู้ตัว และคนที่รับก็จะไม่รู้ตัวเช่นกัน เชื้อไวรัสขณะนี้ต่างจากสายพันธุ์เดิม เพราะไวรัสจะมีปริมาณมากขึ้นในช่องจมูก ช่องปาก ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนบนด้วย ทำให้แพร่ได้ง่ายขึ้นทางละอองน้ำลายและน้ำมูก ทุกคนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด
ในขณะที่การดำเนินการจากส่วนกลางก็ไม่เข้มข้นอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่วิกฤตมาก มาตรการที่ออกมา 8 ข้อนั้น ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่สิงโต ไม่ใช่หมาจิ้งจอก แต่ตอนนี้เปรียบเหมือน ‘สล็อธติด THC’ ที่นอกจากจะวิ่งไม่ไหวแล้ว ก็จะเชื่องช้าในการต่อสู้ เห็นภาพหลอนแบบมองกงจักรเป็นดอกบัว
“การบริหารจัดการคงต้องมีคนกระตุกขาให้ฉุกคิดให้ดีว่าจะทำแบบรวมศูนย์ หรือแบบดาวกระจาย ปล่อยไว้แบบนี้จะสะเปะสะปะ ไม่เป็นเอกภาพ และจะไม่สามารถทำให้ทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการสู้ศึกครั้งนี้ไม่เข้มข้นให้ทันเวลา ถ้าระบาดหนักมันจะพังพาบกันทั้งประเทศระยะยาว เวลาเหลืออีกไม่มากนักและกรุณาอย่าย้อนว่า “ถ้าไม่อยากติดเชื้อก็ให้อยู่กับบ้านด้วยตัวเอง” การตอบแบบนี้ไม่โอเคครับ เพราะหากคิดเช่นนั้นก็แปลว่าไม่ต้องมีคนมาบริหารก็ได้ ให้แต่ละคนอยู่กันเองเอาตัวรอดกันเองตามมีตามเกิด” รศ.นพ.ธีระ ระบุ
รศ.นพ.ธีระ ยังระบุในเฟซบุ๊กต่อไปว่า ทั้งนี้หากรักประชาชน ต้องปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ตอนนี้เชื้อโรคมันอาละวาดไปทั่ว ปล่อยให้กระจายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เศรษฐกิจที่ท่านห่วงในระยะสั้นนี้จะหมดความสำคัญไปเลยหากระบาดกันทั่วหน้า ทั้งระบบเศรษฐกิจ สุขภาพ และความมั่นคงของประเทศจะพังกันเป็นโดมิโนในระยะยาว
มายาคติจากกลุ่มการเมืองใกล้ตัว นำพาให้เราประสบปัญหาภาพหลอนเรื่องต่างๆ ทั้งยาเสพติดรักษาสารพัดโรค เอาอยู่ กระจอก ความสามารถของระบบมาตรฐานระดับโลก ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่และไม่พอที่จะจัดการปัญหาการระบาดซ้ำได้ หากดูข้อมูลและประเมินตามจริง และสถานการณ์ปัจจุบันก็แสดงให้เห็นแล้ว คงต้องถามตรงๆ ว่าจะยอมให้พังอีกกี่ครั้งด้วยเหตุเดิมๆ
ที่ทักตรงๆ เช่นนี้ เพราะหวังว่าจะตื่นจากภวังค์ได้ทันเวลา และทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ หากไม่รักไม่เคารพจะไม่ทักเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนแต่ละคนแต่ละครอบครัวต้องรับรู้ว่าเรากำลังเผชิญกับอันตรายจากโรคระบาดที่หนักมาก คุกคามต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต และจำเป็นจะต้องเอาตัวรอดให้ได้ ด้วยการ ‘อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อตัวเอง’ ใส่หน้ากากเสมอเวลาจำเป็นต้องออกไปจากบ้าน ล้างมือ อยู่ห่างๆ กินดื่มคนเดียว ไม่กินในร้าน เลี่ยงขนส่งสาธารณะ และงดกิจกรรมสังคมทุกประเภทครับ
ตอนนี้ต้องทำในสิ่งที่ควรทำให้ทันเวลาและเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ หากไม่รู้ว่าจะทำอะไรจะเชื่ออะไร ก็ขอให้แต่ละคนใช้สติและปัญญา คิดไตร่ตรอง ตามหลักเหตุและผล ประกอบกับให้ดูสถานการณ์รอบตัวที่เห็นเองเจอเองมาพิจารณาก่อนตัดสินใจ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: