การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ 2564 แต่เดิมนั้นคาดว่าจะคึกคักจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งล่าสุดทำท่าว่าจะกลับมาเงียบเหงา และบางจังหวัดยังอาจกระทบยาวไปถึงปีหน้า
โดยหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากคือจังหวัดระยอง ซึ่งข้อมูลล่าสุดในวันที่ 28 ธันวาคมพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 56 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในระยองแล้ว 141 ราย และทางจังหวัดได้มีการสั่งล็อกดาวน์อำเภอเมือง
จากข่าวดังกล่าว สัมพันธ์ วรโรจนศิริ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับทัวร์และจองตั๋วเครื่องบิน ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่าเท่าที่ได้สอบถามเพื่อนๆ ที่ประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตขนาด 15-20 ห้อง จำนวน 3 ราย พบว่าช่วงปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้มียอดการยกเลิกห้องพักแล้ว 70% จากที่ก่อนหน้านี้มีการจองเข้ามาเกือบเต็ม
“จริงๆ แล้วผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมือง ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวจะอยู่ที่อำเภอแกลงยาวไปจนถึงจันทบุรี แต่กลายเป็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นกระทบไปหมดทั้งจังหวัด”
ขณะที่ธุรกิจของสัมพันธ์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เดิมนั้นมีกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ 142 คน ได้จองไปท่องเที่ยวในวันที่ 11 มกราคมนี้ แต่ล่าสุดมีโอกาส 50:50 ที่จะถูกยกเลิก ขณะเดียวกันมีการจองเดินทางไปประชุมในช่วงต้นเดือนมีนาคมก็เสี่ยงจะถูกยกเลิกเช่นเดียวกัน
“ส่วนตัวเชื่อว่าการท่องเที่ยวในระยองจะสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนมาก สิ่งที่ต้องจับตาต่อคือจำนวนผู้ติดเชื้อ หากลดน้อยลงเรื่อยๆ สถานการณ์ก็น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้”
ละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่าได้ประเมินการท่องเที่ยวภายในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งคาดว่าจะแผ่วลงจากที่เคยประเมินไว้ โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักจะลดลง 30-40% ด้วยกัน ซึ่งเดิมนั้นคาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 60-70%
“เฉพาะช่วงปีใหม่ ตัวเลขยกเลิกไม่ได้เยอะมาก แต่ที่น่ากังวลคือการจองเข้ามาเพิ่ม เพราะปกติแล้วคนไทยจะไม่จองโรงแรมล่วงหน้านานๆ การท่องเที่ยวที่แผ่วลงนั้นเป็นผลมาจากข่าวการระบาด ซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อ 3 รายช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นตัวเลขการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แม้เชียงใหม่จะไม่พบผู้ติดเชื้อแล้วก็ตาม โดยเดือนธันวาคมนั้นเราคาดว่าจะมีอัตราเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 40-50%”
หลังจากกลับมาเปิดอีกครั้ง โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ฟื้นตัวชัดที่สุดในเดือนพฤศจิกายน โดยมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 60-70% ซึ่งยังเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก เพราะมีโรงแรมเพียง 50-60% เท่านั้นที่กลับมาเปิดอีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นจำนวน 3 หมื่นกว่าห้อง จากโรงแรมที่มีทั้งหมด 6 หมื่นกว่าห้อง
สำหรับในปี 2564 ละเอียดประเมินว่าช่วงไตรมาสแรกอัตราการเข้าพักจะทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนธันวาคม โดยนอกจากจะยังเป็นช่วงไฮซีซันแล้วยังได้รับอานิสงส์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมีปรับปรุงขอบเขตการใช้สิทธิ์จำนวนการจองห้องพัก เพิ่มจำนวนห้องพัก และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการไปจนถึง 30 เมษายน 2564
ส่วนไตรมาส 2 ของปี 2564 อาจแผ่วลงจากไตรมาสแรก โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจโรงแรมที่จะสามารถประคองตัวเองไปได้ โดยขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมได้ใช้วิธีปรับลดต้นทุนโดยการขอความร่วมมือจากพนักงานให้ Leave Without Pay รวมไปถึงการขอปรับลดเงินเดือน เนื่องจากปกติแล้วค่าจ้างถือเป็นค่าใช้จ่ายกว่า 30% ของต้นทุนด้วยกัน
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ททท. ได้ประเมินการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2564 ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ถึง 3 มกราคม 2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 2.75 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 10,700 ล้านบาท
ตัวเลขดังกล่าวถือว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยว 3.74 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยการลดลงดังกล่าวมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งจำนวนวันหยุดที่สั้นลง โดยปีก่อนมีทั้งสิ้น 5 วัน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หายไป และบางส่วนกังวลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งล่าสุดได้มีการระบาดระลอกใหม่แล้ว
“เรายังมองโลกในแง่ดีอยู่ เพราะช่วงปลายปีไม่เหมือนของเวลาอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางกลับภูมิลำเนา ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวทั้งหมด สำหรับการระบาดรอบใหม่นี้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจะเป็นพื้นที่เสี่ยงที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ส่วนพื้นที่อื่นๆ ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่เช่น เชียงใหม่ ปากช่อง และเขาใหญ่”
ผู้ว่า ททท. ระบุว่าการท่องเที่ยวของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในเดือนตุลาคม มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 34% คิดเป็นการเดินทางท่องเที่ยว 15 ล้านคน-ครั้ง ส่วนเดือนพฤศจิกายนมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 37% คิดเป็นการเดินทางท่องเที่ยว 16 ล้านคน-ครั้ง ในส่วนของเดือนธันวาคมคาดว่าจะมีอัตราเท่ากับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงจากช่วงเวลาปกติที่จะมีการเดินทางท่องเที่ยว 18 ล้านคน-ครั้ง
สำหรับภาพรวม 11 เดือนนั้นพบว่ามีการเดินทางท่องเที่ยว 81 ล้านคน-ครั้ง คาดว่าปีนี้ทั้งปีตัวเลขจะอยู่ที่ราว 95-100 ล้านคน-ครั้ง แต่จากการระบาดของโรคอีกรอบทำให้ประเมินว่าตัวเลขจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 90-95 ล้านคน-ครั้ง ขณะที่รายได้คาดว่าจะลดลงมาเหลือ 8.3 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีเม็ดเงินการท่องเที่ยวสะพัดกว่า 3 ล้านล้านบาท
“สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือเซนทิเมนต์ของคน เราเชื่อว่าคนยังชอบท่องเที่ยวอยู่ แต่อาจจะปรับแผนใหม่จากที่เคยไปเที่ยว 2-3 วันก็ลดลงเหลือ 1-2 วัน และไปเที่ยวกับคนรู้จัก โดยเลี่ยงสถานที่ที่แออัดไปก่อน ในส่วนของมาตรการสร้างความเชื่อมั่นนั้น ที่ผ่านมา ททท. มีการทำมาโดยตลอด โดยคาดว่าการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 4 ของปี 2564” ยุทธศักดิ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์