วันนี้ (23 ธันวาคม) งานวิจัยล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวานนี้ (22 ธันวาคม) ชี้ว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) อันก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ระหว่างอายุครรภ์ 7-9 เดือน หรือช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาส 3 ไม่มีแนวโน้มจะแพร่เชื้อไปยังทารกแรกเกิดได้
งานวิจัยดังกล่าวที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) เฝ้าติดตามหญิงตั้งครรภ์ 127 คน ที่เข้าโรงพยาบาลของเมืองบอสตันในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2020 โดยมีหญิงตั้งครรภ์ 64 ราย ที่มีผลตรวจเชื้อไวรัสฯ เป็นบวก แต่ไม่มีทารกแรกเกิดมีผลตรวจเป็นบวกแม้แต่รายเดียว
ไดอานา ไบแอนชี ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กและการพัฒนามนุษย์แห่งชาติยูนิส เคนเนดี ไชร์เวอร์ (NICHD) กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ช่วยให้มั่นใจว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ไม่มีแนวโน้มที่เชื้อจะถูกส่งผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ ทว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวิจัยครั้งนี้
งานวิจัยชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ผ่านวารสารจามา เน็ตเวิร์ค โอเพน (JAMA Network Open) ชี้ว่าผลการวิจัยที่รายงานนั้นจำกัดเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ไตรมาส 3 เนื่องจากข้อมูลของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ยังอยู่ระหว่างรวบรวมและประเมินผล
ทั้งนี้ คณะนักวิจัยแนะว่าผลการวิจัยครั้งนี้สามารถช่วยยกระดับการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโรคโควิด-19 และทารกแรกเกิดของพวกเธอ รวมทั้งให้ข้อมูลเพื่อช่วยพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ ในการฉีดวัคซีนให้แก่หญิงตั้งครรภ์
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว