‘โนเบิล’ หวังขึ้นแท่น TOP 5 อสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 และเข้ากลุ่ม SET100 ครึ่งหลังปีหน้า ปักธงปั้นยอดขายแตะ 1.6 หมื่นล้านในปีหน้าจาก 18 โครงการในมือ รวมมูลค่า 2.9 หมื่นล้าน
ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE กล่าวว่าบริษัทวางเป้าหมายขึ้นเป็น Top 5 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 โดยต้องมีฐานรายได้ประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก็จะสอดคล้องกันกับรายได้ โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ 16.5%
นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายจะติดดัชนีกลุ่ม SET50 และ SET100 โดยปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของบริษัทอยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันก็เริ่มคึกคักขึ้นหลังจากที่หุ้นได้รับความสนใจนักวิเคราะห์และลงทุน ทั้งนี้คาดว่าจะเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในครึ่งหลังปีหน้า
ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ประกอบด้วย
- ธงชัย บุศราพันธ์ 20.06%
- nCrowne Pte.Ltd. 20.05%
- บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 7.90%
- บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 5.02%
- The Bank of New York (Nominees) Limited 4.85%
“ก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นใหญ่เคยขายหุ้นออกมา เป็นการขายเพื่อเปิดทางให้กับ Strategic Shareholders ซึ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นในตอนนี้ถือว่าลงตัวแล้ว และส่วนตัวไม่มีแผนขายหุ้นอีกครั้งจนกว่าจะมีการแปลงวอร์แรนท์ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า”
ในส่วนของผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 11,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2563 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาทจากการรับรู้รายได้โครงการที่พัฒนามาแล้วเสร็จและทยอยขายไปแล้ว โดยปัจจุบันมี Project Active 18 โครงการ รวมมูลค่า 29,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 50% ของมูลค่าดังกล่าวเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในปี 2563-2564
ในส่วนของยอดขาย (พรีเซล) ปี 2564 ตั้งเป้าหมายที่ 16,000 ล้านบาท คิดเป็นการขยายตัว 146% จากปี 2563 ตั้งเป้าหมายที่ 6,500 ล้านบาท
โดยแผนปี 2564 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่า 45,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 25,000 ล้านบาท (4โครงการ) และแนวราบ 20,100 ล้านบาท (7 โครงการ)
แหล่งเงินลงทุนโครงการจะมาจาก
1. กระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจ
2. การเสนอขายหุ้นกู้ตั้งแต่ปลายปี 2562 และเตรียมจะเสนอขายหุ้นกู้อีก 1 ล็อตเร็วๆ นี้
3. เงินกู้จากสถาบันการเงิน
สำหรับงบลงทุนปี 2564 บริษัทจัดสรรงบลงทุนไว้ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับซื้อที่ดิน 1,000 ล้านาท สำหรับสำรองการก่อสร้าง 4,000 ล้านบาท และอีก 3,000-4,000 ล้านบาทใช้สำหรับลงทุนทางอ้อม อาทิ การเข้าซื้อหุ้นในกิจการร่วมทุนต่างๆ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์