×

เยาวชนปลดแอก เปิด 5 เหตุผลร่างแก้ รธน.ฝ่ายค้าน-รัฐบาลมีปัญหา ชี้ร่างฉบับ iLaw สอดคล้องหลักการ รธน.เป็นของประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
17.11.2020
  • LOADING...
เยาวชนปลดแอก เปิด 5 เหตุผลร่างแก้ รธน.ฝ่ายค้าน-รัฐบาลมีปัญหา ชี้ร่างฉบับ iLaw สอดคล้องหลักการ รธน.เป็นของประชาชน

วันนี้ (17 พฤศจิกายน) เพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความ เปิด 5 เหตุผล ทำไมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส. ทั้งหมดจึงมีปัญหาไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายค้าน ระบุว่า

 

ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ รัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด 7 ร่าง ดูอย่างผิวเผินจะเห็นว่ามี 3 ร่างที่จะเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามข้อเรียกร้องของราษฎร แต่แท้ที่จริงแล้วมีบางร่างที่สอดไส้และวางกับดัก เพื่อปิดกั้นเจตนารมณ์ของประชาชนในการกำหนดเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากที่ได้ศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีเจตนารมณ์เปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยละเอียด พบว่ามีเหตุผล 5 ข้อที่สะท้อนให้เห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดย ส.ส. นั้นมีปัญหา

 

  1. ในร่างรัฐบาล สสร. อาจกลายเป็นกลไกในการสืบทอดอำนาจของชนชั้นนำและคณะรัฐประหาร โครงสร้างของ สสร.ในร่างนี้มีทั้งหมด 200 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน 150 คน และอีก 50 คนมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งปัญหาใหญ่อยู่ที่ 50 คนหลังซึ่งมีที่มา 3 ทาง ได้แก่ คัดเลือกโดยรัฐสภา 20 คน, ที่ประชุมอธิการบดี 20 คน และนักเรียน นิสิต นักศึกษาจากหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 10 คน ซึ่งประเมินได้ว่าเกินกว่า 40 คน จะเป็นผู้ที่เป็นตัวแทนในการรักษาผลประโยชน์และสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ซึ่งในการร่างรัฐธรรมนูญ คณะผู้ร่างสมควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรง 100% ถึงจะเรียกได้ว่าที่มาของรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย

 

  1. ในร่างรัฐบาล สสร.ต้องรับฟังคณะรัฐมนตรี, ส.ส., ส.ว., องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานรัฐเป็นพิเศษ สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้มีตำแหน่ง หรือผู้มีอำนาจเหนือกว่าผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญอย่างประชาชนทั่วไป

 

  1. ทั้งร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ปิดกั้นการแก้หมวด 1 และ 2 ปิดประตูปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อาจเป็นความจริงที่ว่า ในตอนนี้มีทั้งผู้ที่ต้องการและไม่ต้องการให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่ถ้าหากปิดกั้นไม่ให้แตะต้องหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ จะถือว่าไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่เรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญในอดีตไม่เคยมีข้อห้ามในการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และ 2 มาก่อน อำนาจในการชี้ขาดว่าจะแก้หรือไม่แก้หมวดใด ควรเป็นของสสร. ไม่ใช่รัฐสภา

 

  1. ทั้งร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้าน สสร.ที่ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งไม่สะท้อนความหลากหลายของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะความหลากหลายไม่ได้มีแค่ในมิติเชิงพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มอัตลักษณ์อื่นๆ เช่น กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญมากที่สุด ควรใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง แทนที่จะเป็นรายจังหวัด

 

  1. ให้พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในการยับยั้ง (Veto) ร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติหรือผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา (แล้วแต่กรณี) ได้เป็นการชั่วคราว ในมาตรา 256/14 วรรค 4 (กรณีร่างผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา), มาตรา 256/17 (กรณีร่างผ่านประชามติ) วรรค 1 ในร่างรัฐบาล และ มาตรา 256/12 (ร่างผ่านประชามติ) ในร่างฝ่ายค้าน เปิดช่องให้ใช้มาตรา 81 วรรค 2 และมาตรา 146 ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาบังคับใช้โดยอนุโลมในขั้นตอนการทูลเกล้าให้กษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย โดยในมาตรา 146 บัญญัติว่า “ร่างพระราชบัญญัติใด พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วย และพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือเมื่อพ้น 90 วันแล้วมิได้พระราชทานคืนมา รัฐสภาจะต้องปรึกษาร่างพระราชบัญญัตินั้นใหม่ ถ้ารัฐสภามีมติยืนยันตามเดิม ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนําร่างพระราชบัญญัตินั้นขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานคืนมาภายใน 30 วัน ให้นายกรัฐมนตรีนําพระราชบัญญัตินั้นประกาศในราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ เสมือนหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว” (กรณีนี้ให้แทนคำว่าร่างพระราชบัญญัติด้วยคำว่าร่างรัฐธรรมนูญ)

 

ดังนั้น เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านมติของรัฐสภา หรือผ่านประชามติก่อนประกาศใช้ จะต้องนำร่างขึ้นทูลเกล้าให้ลงพระปรมาภิไธย หากเกิดกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่เห็นชอบด้วย จะสามารถยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญได้ ถ้าเป็นกรณีที่ร่างผ่านการลงมติของรัฐสภา จะต้องไปยืนยันเสียงสองในสาม แต่ถ้าเป็นกรณีผ่านประชามติ จะเป็นไปในทิศทางใด ไม่อาจคาดเดาได้ 

 

ดังนั้น บัญญัติลักษณะนี้ทั้งในร่างของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นบทบัญญัติไม่บังควรอย่างมาก เพราะเป็นการทำให้พระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของรัฐ และต้องอยู่นอกวงการเมือง มีพระราชอำนาจในการยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

 

นี่คือ 5 เหตุผลที่ชี้ให้เห็นว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างก็มีปัญหาที่อาจขัดแย้งกับหลักการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่ว่า ‘อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญ’ เป็นของประชาชน จะเห็นก็มีเพียงร่างที่เสนอโดยภาคประชาชนที่นำโดย iLaw เท่านั้น ที่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าวอุดช่องว่างทั้งห้าได้

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising