บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด (TFEX) ประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นมีความผันผวนเพิ่มขึ้น หลังราคาทองคำตลาดโลกวานนี้ (9 พฤศจิกายน) ดิ่งลงแรงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน 1,965.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,849.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่มองภาพรวมระยะยาว ปัจจัยบวกยังไม่เปลี่ยนแปลงแม้มีข่าววัคซีนโควิด-19 เพราะกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี
ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวว่า ราคาทองที่ปรับลดลงค่อนข้างมากถึงระดับประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์วานนี้ (9 พฤศจิกายน) หลังจากที่มีข่าวความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ในเชิงบวกนั้น YLG แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้น แต่ยังเชื่อว่าการที่ราคาปรับตัวลงมา ยังคงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนซึ่งต้องการสะสมทองคำเข้าพอร์ตการลงทุน ค่อยๆ ทยอยสะสมซื้อได้
ทั้งนี้ มองว่าแม้จะมีวัคซีน แต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี ดังนั้น ธนาคารกลางทั่วโลกจึงมีแนวโน้มคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี ข้างหน้า หากเศรษฐกิจยังคงไม่แข็งแกร่ง ซึ่งตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ในระยะยาวทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่ดี
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำก็ยังมีปัจจัยบวกจากประเด็นที่ โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ โดยจะเห็นว่า ในช่วงที่ทราบผลการเลือกตั้งช่วงแรก ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแกว่งตัวไปในทิศทางขาขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่คาดว่า หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง จะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดทองคำ ถึงแม้เขาจะมีมาตรการระหว่างประเทศที่ประนีประนอมมากขึ้น แต่เนื่องจากไบเดนมีนโยบายอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปริมาณมาก ก็ทำให้ดอลลาร์มีทิศทางเป็นขาลงในระยะยาว ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาวเช่นกัน
ส่วนประเด็นที่ช่วงเดือนตุลาคม ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มเทขายทองคำที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศออกมานั้น ส่วนใหญ่ประเทศที่เทขายออกมาจำนวนมากเป็นประเทศที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น ตุรกี ที่มีปัญหาค่าเงินอ่อนค่า ส่วนธนาคารกลางของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และจีน ไม่ได้มีการขายอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำเล่นตามกรอบ ซึ่งประเมินโซนแนวรับที่ 1,847-1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 26,650-26,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะแนวต้านประเมินไว้ในโซน 1,921-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 27,750-28,400 บาทต่อบาททองคำ (ราคาทองคำในประเทศคำนวณจากค่าเงินบาทที่ระดับ 30.48 บาทต่อดอลลาร์)
อย่างไรก็ดี ในระยะนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มมีทิศทางอ่อนค่า ขณะที่เงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะมีผลกดดันราคาทองคำในประเทศ ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล