วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า ขณะนี้ผ่านมา 5 เดือนที่ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ หายตัวไปในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าการสืบสวนการสูญหายจากทางการกัมพูชาในคดีนี้แต่อย่างใด ซึ่งทางครอบครอบครัวยังคงรอคอยเพื่อจะได้ทราบชะตากรรมของเขา และยังคงต้องการคำตอบว่า อะไรคือมูลเหตุของการหายตัวไป ใครเป็นผู้กระทำ และขอให้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุด มีความคืบหน้าว่า สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม จะเดินไปยังประเทศกัมพูชาในวันนี้ พร้อมกับทีมทนายความ เพื่อไปให้ปากคำกับทางการกัมพูชาในคดีการหายตัวไปของน้องชาย ซึ่งมีนัดให้ปากคำในวันที่ 8 ธันวาคม 2563 แต่เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีเที่ยวบินไปกัมพูชาแค่เดือนละครั้ง จึงจำเป็นต้องเดินทางไปก่อนล่วงหน้าเกือบเดือน
“เรายินดีที่ทางการไทยและกัมพูชาอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าพิเศษให้ สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม และทีมทนายความเดินทางไปให้ปากคำตามหมายเรียกของศาลแขวงจังหวัดพนมเปญ
“ทั้งนี้ เราขอเรียกร้องให้ทางการทั้งสองประเทศดูแลความปลอดภัยให้กับพี่สาววันเฉลิม และทีมทนายความในระหว่างอยู่ในประเทศกัมพูชา ในฐานะที่พวกเขาเป็นครอบครัวของผู้สูญหายที่ควรได้รับการคุ้มครอง ได้รับรู้ความจริง และได้รับความยุติธรรมคืนมา
“เรายังคงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม ที่ให้ทางการกัมพูชาเร่งให้มีการสืบสวนการหายตัวไปของวันเฉลิมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งด่วน รอบด้าน โปร่งใส และคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของผู้ที่สูญหายโดยทันที เนื่องจากผ่านมา 5 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด”
สำหรับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนผู้สนับสนุนทั่วโลกร่วมกันส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เรียกร้องทางการกัมพูชาสอบสวนอย่างเร่งด่วนต่อข้อกล่าวหาที่ว่า มีการลักพาตัววันเฉลิม และแจ้งให้ครอบครัวทราบทันทีว่าเขาอยู่ที่ใด และให้นำตัวผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ เข้าสู่การพิจารณาคดีที่เป็นธรรมโดยศาลพลเรือน ทั้งยังเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อกำหนดในอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย ซึ่งกัมพูชาเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาฯ และต้องไม่ส่งตัววันเฉลิมกลับประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีที่จะต้องไม่ส่งกลับบุคคลไปยังสถานที่ที่มีความเสี่ยงว่าจะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ส่งรายชื่อผู้สนับสนุนกว่า 10,000 รายชื่อให้กับพี่สาววันเฉลิม เพื่อที่จะส่งมอบให้กับทางการกัมพูชาต่อไป
สำหรับวันเฉลิม นักกิจกรรมและบล็อกเกอร์ชาวไทยที่อยู่ระหว่างลี้ภัย ถูกบุคคลไม่ทราบฝ่ายลักพาตัวไปจากด้านนอกอพาร์ตเมนต์ของเขาในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาลี้ภัยจากประเทศไทยหลังถูกทางการส่งหมายเรียกให้ไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนคติ หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร ปี พ.ศ. 2557 และในปี พ.ศ. 2561 ทางการไทยได้ฟ้องคดีต่อเขา ส่วนใหญ่ตั้งแต่ปี 2561 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ เขาถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความต่อต้านรัฐบาลในเฟซบุ๊กเพจ ตลอดระยะเวลา 5 เดือน ทางครอบครัวและภาคประชาสังคมในประเทศไทยช่วยกันติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด และยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
การเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาของสิตานันท์พี่สาวของวันเฉลิม และทีมทนายความได้รับการอำนวยความสะดวกจากกองคุ้มครองผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งได้ประสานงานกับสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทย โดยได้ออกวีซ่าอัธยาศัยไมตรี ซึ่งออกให้โดยรัฐกับรัฐ ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 วีซ่านี้จะออกให้เฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศเท่านั้น
นอกจากนั้น มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ถามตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงประเด็นการหายตัวไปของวันเฉลิม ผู้ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศกัมพูชา โดยมีการระบุว่า ตำรวจมีผู้ช่วยทูตตำรวจประจำกัมพูชาที่ประสานงานและให้ข้อมูลกับตำรวจกัมพูชาอยู่ตลอด ยืนยันดำเนินการไปตามหน้าที่ ในประเทศก็มีการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ การดำเนินการผ่านมา 5 เดือน ยังไม่ได้รับรายละเอียดหรือข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก ล่าสุดทราบว่าญาติของวันเฉลิมจะมีการไปยื่นเรื่องที่ประเทศกัมพูชา
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์