FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ปัจจัยการเมืองฉุด แต่คาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้แตะระดับ 1,300-1,350 จุด หวังการเมืองเริ่มผ่อนคลาย มั่นใจดัชนีผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มอง SET ปีหน้าฟื้นตัว เหตุกำไร บจ. โต 40%-เศรษฐกิจผงกหัวขึ้น ลุ้นฟันด์โฟลว์พลิกไหลเข้า
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงาน ‘แถลงข่าว FETCO ประจำเดือนพฤศจิกายน 2563’ ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีผลสำรวจในเดือนตุลาคม 2563 พบว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีอยู่ที่ระดับ 61.27 จุด ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และปรับตัวลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า โดยยังคงอยู่ในเกณฑ์ ‘ซบเซา’ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม มีปัจจัยฉุดจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากที่สุด
รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อการระบาดระลอกสองของโควิด-19
ทั้งนี้ ในส่วนของแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินว่าช่วงสิ้นปีมีโอกาสเห็นดัชนีฯ ขึ้นแตะระดับ 1,300-1,350 จุดได้ เนื่องจากคาดว่าตลาดน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวที่ดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นชั่วคราว หลังรัฐบาลพยายามตอบสนองบางเรื่อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญหรือการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อหาทางออกให้ความขัดแย้งของประเทศ และการชุมนุมที่ไม่รุนแรงเหมือนช่วงแรกๆ ประกอบกับการปรับประมาณการนักวิเคราะห์เริ่มนิ่งแล้ว และบางส่วนมีการปรับประมาณการปีหน้าเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเชื่อว่าแนวรับที่ระดับ 1,200 จุด เป็นจุดรับที่ถือว่าแข็งแกร่ง
ขณะที่มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้าจะฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน เพราะได้แรงหนุนจากทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่คาดว่ากลับมาเติบโตในระดับ 40% จากปีนี้ที่ลดลงไปในระดับใกล้เคียงกัน และคาดว่าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 น่าจะออกมาให้เห็นชัดเจนบ้างแล้ว หรือมีการเริ่มต้นทดลองใช้ในบางประเทศ ซึ่งพัฒนาการดังกล่าวจะทำให้มีการเปิดประเทศกันมากขึ้น รวมถึงมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจปีหน้าที่จะมีโอกาสผงกหัวขึ้น
นอกจากนี้ คาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ หลังจากปีนี้ต่างชาติขายสุทธิแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเชื่อว่าปีหน้าหุ้นมีโอกาสที่เม็ดเงินจะย้ายออกจากหุ้นเทคโนโลยีมาสู่หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนสูงกว่า 60-70% แล้ว
ประกอบกับหุ้นในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเป็นหลัก และเป็นตลาดที่ปรับตัวลดลงมามากที่สุดในภูมิภาคเอเซีย จึงมีโอกาสสูงที่นักลงทุนจะหันมาเลือกลงทุนหุ้นที่ยังปรับตัวน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ
รายงาน: ปริวัฒน์ หินพลอย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์