Twitter แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของผู้ใช้งานในประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษาพฤติกรรมการช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์ โดยพบว่าสินค้าที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้ความสนใจเลือกสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาคือ ‘แชมพู’ ขณะที่ปัจจัยยอดฮิตที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ มาจากโปรโมชัน ‘ส่งฟรี’
Twitter อ้างอิงข้อมูลจาก Statista บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด ที่ระบุว่าในปี 2562 ที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลกมีการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซเป็นมูลค่ากว่า 3.53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ข้อมูลจาก MediaRadar บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและโฆษณา พบว่ามีการใช้จ่ายค่าโฆษณาเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจากเดิม 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 (สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกันราว 3.98 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อาร์วินเดอร์ กุจรัล กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Twitter กล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าบทสนทนาที่พูดคุยเกี่ยวกับการช้อปปิ้งบน Twitter ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพิ่มมากขึ้น และเราจะเห็นช่วงพีกที่สุดในช่วงใกล้ๆ วันแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์ ทั้งก่อนและหลังวันที่มีการจัดโปรโมชัน
“ทั้งนี้ การช้อปปิ้งยังเป็นหัวข้อการสนทนาที่มีการพูดคุยได้ตลอดทั้งปีบน Twitter ยิ่งผู้บริโภคหันมาใช้อีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซมากขึ้น จะพบว่าเทรนด์การสนทนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับการช้อปปิ้งออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง
“แบรนด์ต่างๆ ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีในการทำการตลาด โดยเฉพาะจะต้องมีความเข้าใจว่าทำไมผู้บริโภคจึงเลือกซื้อของทางออนไลน์ และสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อดังกล่าว เราพบว่าแบรนด์ในประเทศไทยต่างหันมาใช้ Twitter ในการเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มผู้ใช้งาน Twitter ประเทศไทย”
ทั้งนี้จากการวิจัยล่าสุดโดย Twitter พบว่าผู้ใช้งาน Twitter ประเทศไทยมากกว่า 4 ใน 5 คนมีการซื้อของออนไลน์ โดย 5 ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้งาน Twitter ในประเทศไทยนิยมสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้แก่ แชมพู (84.7%), น้ำยาปรับผ้านุ่ม (75.6%), น้ำยาซักผ้า/ผงซักฟอก (74.2%), ครีมนวดผม (66.9%) และเสื้อผ้า (66.7%)
ส่วน 4 ปัจจัยหลักในการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคตัดสินใจซื้อของทางออนไลน์คือ จัดส่งฟรี (63%), ส่วนลดต่างๆ (57%), จ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้า (45%) และเสียงสนับสนุนและการพูดถึงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ (39%)
เมื่อจำแนกกลุ่มเป้าหมายจะพบว่ากลุ่มผู้ใช้งาน Twitter เพศหญิงที่เป็นนักช้อปจะมีความสนใจในเรื่องของดนตรี อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การทำอาหาร ความงามและเครื่องสำอาง ในขณะที่หนุ่มนักช้อปจะมีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี ดนตรี การเล่นกีฬา และข่าวสารต่างๆ
โดยข้อมูลที่น่าสนใจก็คือการซื้อของออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การล็อกอินเพื่อเข้าไปซื้อแล้วล็อกเอาต์ออกจากระบบเท่านั้น แต่ขั้นตอนการช้อปปิ้งออนไลน์นั้นยาวนานกว่าที่คิดและมีความแตกต่างจากเดิมไปมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการศึกษาหาข้อมูลและการวางแผนก่อนจ่ายเงินซื้อของ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนการซื้อของ โดย 94% ของนักช้อปออนไลน์บน Twitter มักจะหาข้อมูลจากรายการสิ่งของที่อยากได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
นอกจากนี้นักช้อปออนไลน์บน Twitter ยังชื่นชอบการค้นพบสิ่งใหม่ เปิดใจรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือไอเดียใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ และมักจะเข้าร่วมวงสนทนาในเรื่องเกี่ยวกับการช้อปปิ้ง
ซึ่งสำหรับแบรนด์ Twitter เชื่อว่าประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการดูแลชื่อเสียงของแบรนด์ให้เป็นไปในทางบวก เนื่องจาก 50% ของนักช้อปออนไลน์ในประเทศไทยมักจะตรวจสอบข้อมูลของแบรนด์และข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมถึงบน Twitter
ดังนั้น Twitter จึงแนะนำให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ที่จะทำการตลาดในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ต้องเน้นทำการโปรโมตและทำการตลาดก่อนที่วันจัดเทศกาลนั้นๆ จะมาถึง เพราะจะสร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคได้ผลดีกว่าการลงทุนและโฟกัสเฉพาะวันที่จะขายสินค้าเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
