สองผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดศึกหาเสียงในรัฐฟลอริดา หนึ่งในรัฐ Swing States ที่ถูกยกเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดที่สุด (Battleground States) ในการเลือกตั้งปีนี้
โดนัลด์ ทรัมป์ลงพื้นที่หาเสียงในเมืองแทมปาเมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม) โดยใช้โอกาสนี้ประกาศตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่ขยายตัวเป็นสถิติใหม่ถึง 33.1% ในไตรมาส 3 หลังจากที่ติดลบ 31% ในไตรมาส 2 สืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯ กำลังอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว
ทรัมป์กล่าวโจมตีโจ ไบเดนว่า “แผนของไบเดนคือการล็อกดาวน์ เขาจะล็อกดาวน์พวกคุณ”
เขากล่าวเสริมว่า “คุณจะมีอาการซึมเศร้าในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน หากโจขี้เซาเป็นประธานาธิบดีของพวกคุณ”
“ดูสิ เราถูกเปรียบเทียบกับยุโรป เยอรมนีทำได้ดี ฝรั่งเศสทำได้ดี ทุกคนทำได้ดี แต่ไม่ครับ พวกเขาทำได้ไม่ดีเลย” ทรัมป์กล่าวต่อผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ส่งเสียงเชียร์เกรียวกราว
ทรัมป์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อในยุโรปพุ่งสูงอย่างมาก และพวกเขากำลังชัตดาวน์ประเทศ ส่วนสหรัฐฯ นั้นไม่ได้กลับไปล็อกดาวน์อีก เราเข้าใจโรคนี้มากขึ้น และทำให้ธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง
ขณะที่ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี และผู้สมัครจากเดโมแครต ลงพื้นที่หาเสียงในโบรเวิร์ด เคาน์ตี ทางเหนือของเมืองไมอามี โดยยืนกรานว่าเขาจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง
“คุณมีอำนาจในมือ หากฟลอริดาเป็นสีฟ้า (เดโมแครต) มันก็จบ” ไบเดนกล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนซึ่งส่วนใหญ่นั่งฟังอยู่ในรถ พร้อมชื่นชมคนที่มาร่วมงานหาเสียงที่ให้ความร่วมมือรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19
ไบเดนยังกล่าวโจมตีทรัมป์ว่ายอมแพ้ต่อโรคระบาด โดยชี้ให้เห็นความล้มเหลวที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ขณะที่ผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นเป็นสถิติในหลายรัฐ โดยล่าสุดมีเคสสะสมเกือบ 9 ล้านราย
เขายังเรียกร้องให้มีการบังคับสวมหน้ากากทั่วประเทศ โดยระบุว่านี่ไม่ใช่คำสั่งทางการเมือง “แต่เป็นหน้าที่ของผู้รักชาติ เพื่อเห็นแก่พระเจ้า”
นอกจากนี้ไบเดนยังยืนยันว่าเขาจะไม่ล็อกดาวน์อีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะสงวนท่าทีต่อประเด็นดังกล่าวในการดีเบตกับทรัมป์ที่รัฐเทนเนสซีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกันไบเดนยังโจมตีทรัมป์ด้วยว่า เป็นคนที่พยายามทำให้คนอเมริกันเกิดความแตกแยกทางเชื้อชาติ ชาติกำเนิด และเพศ เพื่อหวังผลทางการเมือง
ฟลอริดาถือเป็นรัฐที่ทรัมป์จำเป็นต้องชนะ หากต้องการนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เพราะโพลหลายสำนักบ่งชี้ในทิศทางเดียวกันว่า รัฐ Swing State อื่นๆ มีแนวโน้มเอนเอียงไปเลือกไบเดนมากกว่า ขณะที่รัฐฟลอริดามีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) มากถึง 29 คน ขณะที่คะแนนนิยมของผู้สมัครในรัฐนี้ยังขับเคี่ยวกันสูสี โดยไบเดนนำทรัมป์เพียง 1.4 จุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: