กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้อนุมัติแผนขายระบบอาวุธ 3 ชนิดแก่ไต้หวัน ประกอบด้วยระบบเซนเซอร์, อาวุธนำวิถี และปืนใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท
ในหนังสือแจ้งที่กระทรวงการต่างประเทศส่งถึงสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการนั้น ระบุรายละเอียดอาวุธที่สหรัฐฯ ขายให้ไต้หวัน หนึ่งในนั้นคือรถบรรทุกติดเครื่องยิงจรวดอย่าง High Mobility Artillery Rocket System (HIMARS) ที่ผลิตโดยบริษัท Lockheed Martin Corp มูลค่าประมาณ 436.1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.36 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีจรวดนำวิถี AGM-84H Standoff Land Attack Missile Expanded Response (SLAM-ER) 135 ลูก และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่ผลิตโดย Boeing มูลค่าประมาณ 1.008 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.14 หมื่นล้านบาท) และตัวเซนเซอร์สำหรับเครื่องบินรบอย่าง MS-110 Recce ของบริษัท Collins Aerospace มูลค่า 367.2 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.14 หมื่นล้านบาท
คาดว่าหลังจากนี้จะมีหนังสือแจ้งการขายอาวุธที่ส่งถึงสภาคองเกรสเพิ่มเติม โดยอาวุธที่ว่านี้ประกอบด้วยโดรนที่ผลิตโดย General Atomics และขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำแบบ Harpoon ที่ผลิตโดย Boeing
สำหรับสภาคองเกรสมีเวลา 30 วันในการพิจารณาอนุมัติหรือปฏิเสธการขายหลังได้รับหนังสือแจ้งจากกระทรวงอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าดีลนี้จะผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตมีจุดยืนร่วมกันในการส่งเสริมขีดความสามารถในการป้องกันตนเองของไต้หวัน เพื่อรับมือกับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน
ด้านกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันแสดงความยินดีกับข่าวการขายอาวุธดังกล่าว โดยระบุว่าอาวุธเหล่านี้จะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บในการป้องกันตนเองของไต้หวัน นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับจุดยุทธศาสตร์ในอินโดแปซิฟิกและช่องแคบไต้หวัน
สำหรับจีนนั้นมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และที่ผ่านมาพยายามคัดค้านการขายอาวุธแก่ไต้หวันมาตลอด โดยมองว่าสหรัฐฯ กำลังแทรกแซงกิจการภายในประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศของจีนเตือนว่า การขายอาวุธให้ไต้หวันจะบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีนอย่างร้ายแรง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: