กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า สัปดาห์นี้ (19-23 ตุลาคม) ประเมินว่าทิศทางค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00-31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าอ่อนค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.18 บาท ต่อดอลลาร์ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,100 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ หลังจากมีแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อมีสัญญาณเศรษฐกิจโลกชะลอการฟื้นตัว และความไม่แน่นอนต่อมาตรการกระตุ้นทางการคลัง (ชุดใหม่) ของสหรัฐฯ ว่าจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังชุดใหม่ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนได้หรือไม่
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนยังคงซื้อขายสินทรัพย์สกุลเงินบาทอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมที่ยืดเยื้อ โดยคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจกับวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่ง เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ที่จะแถลงเป็นครั้งแรก ซึ่งอาจเห็นแนวนโยบายการเงิน ปัจจุบัน ธปท. ประเมินว่ายังมีความเสี่ยงหลายด้านที่จะทำให้การฟื้นตัวล่าช้าออกไป แต่พร้อมใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเข้าดูแลในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ขณะเดียวกันมองว่าทางการจะผ่อนคลายเกณฑ์เงินทุนไหลออกเพิ่มเติมเพื่อลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาท ทางกรุงศรีมองว่าในระยะสั้นตลาดการเงินอาจให้น้ำหนักกับทิศทางการเมืองในประเทศและผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในมากขึ้นในภาวะที่แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและส่งออกมีความไม่แน่นอนสูง
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดว่านักลงทุนให้ความสนใจกับการโต้วาทีครั้งสุดท้าย (22 ตุลาคม) ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ปัจจัยสถานการณ์โควิด-19 ในยุโรป รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจจากจีน
นอกจากนี้มองว่านักลงทุนอาจจับตาพื้นฐานด้านการคลังของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขาดดุลงบประมาณมากขึ้น ไม่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากด้านการคลังจะได้ข้อสรุปก่อนหรือหลังเลือกตั้งก็ตาม ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้คำมั่นที่จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน ภาวะเช่นนี้จะกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนลงในระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากการคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล