- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยเมื่อวานนี้ทางการจีนเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI เดือนกันยายน ขยายตัว 0.2% (MoM) และ 1.7% (YoY) ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์จากระดับ 0.3% (MoM) และ 1.8% (YoY) ตามลำดับ พร้อมเปิดเผยตัวเลขดัชนี PPI เดือนกันยายน ออกมาที่ -2.1% (YoY) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ -1.8% (YoY) ด้านสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข Initial Jobless Claims ออกมาที่ 898,000 คน สูงกว่าคาดการณ์ที่ 825,000 คน
- คืนนี้ภูมิภาคยุโรปมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI เดือนกันยายน คาดไว้ที่ -0.3% (YoY) และดัชนี Core CPI เดือนกันยายน คาดไว้ที่ 0.2% (YoY) ส่วนสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยตัวเลข Retail Sales เดือนกันยายน คาดการณ์ไว้ที่ 0.7% (MoM) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% (YoY)
- รัฐบาลอังกฤษประกาศยกระดับเตือนภัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกรุงลอนดอน จากระดับปานกลางสู่ระดับสูง ส่วนพื้นที่อื่นยังมีระดับการเตือนภัยที่ปานกลาง ด้านลิเวอร์พูลเป็นเพียงเมืองเดียวที่ถูกยกระดับการเตือนภัยสู่ระดับสูงมาก ส่งผลให้มีการปิดผับ บาร์ แหล่งคาสิโน และสถานที่ออกกำลังกาย
- กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้รวมบริษัท Ant Group ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงินของจีนในบัญชีบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ก่อนที่ทางบริษัทจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง
- มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกินกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ด้าน สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง ส่งสัญญาณประนีประนอมกับ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า ทำเนียบขาวจะไม่ยอมปล่อยให้ความขัดแย้งในเรื่องวงเงินมาทำให้การเจรจาสะดุด
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอ โดยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานใหม่ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมทั้งความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แย่ลง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงเช่นกัน จากการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในหลายๆ ประเทศแถบยุโรป หลังจำนวนผู้ติดโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งความไม่แน่นอนของ Brexit ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน สร้างความกังวลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง แม้สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะออกมาลดลงก็ตาม แต่ตลาดยังกังวลเรื่องปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลง หลังโซนยุโรปกลับมาออกมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากปัจจัยจำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฝั่งยุโรปออกมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28494.20 ลดลง -19.80 (-0.07%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3483.34 ลดลง -5.33 (-0.15%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11713.87 ลดลง -54.86 (-0.47%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 13028.06 ลดลง 9.07 (0.07%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5832.52 ลดลง -102.54 (-1.73%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3192.69 ลดลง -80.59 (-2.46%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19065.44 ลดลง 542.23 (-2.77%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23507.23 ลดลง 24.95 (-0.50%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6210.30 ลดลง -16.5 (-0.50%)
- Shanghai อยู่ที่ 3332.183 ลดลง -8.595 (-0.25%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13624.89 ลดลง -66.15 (-0.48%)
- China A50 อยู่ที่ 15939.11 เพิ่มขึ้น 17.75 (+0.11%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24158.57 ลดลง 508.52 (-2.06%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12827.82 ลดลง -91.49 (-0.70%)
- SET อยู่ที่ 1242.96 ลดลง -21.03 (-1.66%)
- KOSPI อยู่ที่ 2361.21 ลดลง -19.27 (-0.81%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5105.15 ลดลง 70.95 (-1.37%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 39728.41 ลดลง 1066.33 (-2.61%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5938.33 เพิ่มขึ้น 13.03 (-0.22%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.08 (-0.19%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 43.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.16 (-0.36%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1908.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.19 (0.37%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters