หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 04.00 น. ในรุ่งสางวันที่ 15 ตุลาคม อานนท์ นำภา แกนนำผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล มีการแจ้งบอกให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ร้ายแรง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการคุมฝูงชน โดยให้เวลาประชาชน 15 นาทีในการเก็บของ ส่วนเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลมาพร้อมโล่และหมวกกันน็อกขยับเข้าใกล้ผู้ชุมนุมจนยึดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด
ในขณะทางด้านแกนนำ อานนท์ นำภา ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับศาลที่เชียงใหม่ และเตรียมนำตัวไปที่เชียงใหม่ ส่วน ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกจับกุมด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าจากคดีอะไร เจ้าหน้าที่นำขึ้นรถที่ไม่ใช่รถตำรวจเดินทางออกไป และยังไม่ทราบว่านำตัวไปที่ใด ทางด้าน เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ มีรายงานว่าถูกตำรวจจับกุมที่บริเวณแยกนางเลิ้ง
ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า บริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้เข้าจับกุม ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีการแสดงหมายจับของศาล คาดว่าเกิดจากคดีชุมนุมในเชียงใหม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะนำขึ้นรถตู้ไปที่ สน.นางเลิ้ง ก่อนพาไป ตชด. ภาค 1
ขณะที่เมื่อเวลา 08.10 น. ตำรวจเข้าจับกุม รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และณัฐชนน ไพโรจน์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตามหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดธัญบุรี
และเช้าวันนี้ (15 ตุลาคม) คณะราษฎรได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีการสลายการชุมนุมในเช้าวันที่ 15 ตุลาคม 2563 โดยเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมทั้งมีการจับกลุ่มแกนนำและผู้ปราศรัยซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่มีความชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะการชุมนุมเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิดมา ไม่ควรมีใครสมควรถูกจับกุมจากการชุมนุมไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
ทั้งยังกล่าวว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการกระทำที่ภาครัฐมีจุดมุ่งหมายบั่นทอนขบวนการประชาธิปไตย ขัดขวางประชาชน เป็นการกระทำเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้อง หาใช่เพื่อส่วนรวมไม่ มีการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งนั่นอาจตีความได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย คณะราษฎรขอประณามการกระทำดังกล่าวของภาครัฐ
คณะราษฎรยังคงยืนยันจัดการชุมนุมต่อไปในวันนี้ เวลา 16.00 น. ณ แยกราชประสงค์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์